green and brown plant on water

เสาร์ 5

เวลาอ่าน : 2 นาที

เสียงธรรมจากห้อง  “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน”  

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน 2567

เรื่อง วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ

โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค

สำหรับวันนี้เป็นการปฏิบัติสมาธิในวาระพิเศษ เนื่องจากเป็นวันขึ้นเสาร์ห้า   เป็นวันที่พิเศษกว่าเสาร์ห้าวันอื่นเนื่องจากครูบาอาจารย์หลายองค์หลายท่านหลายวัด ท่านจัดพิธีอัญเชิญยันต์เกราะเพชรตรงกัน อันนี้เนื่องจากข้างบน คือพระท่าน เป็นคำสั่งที่ให้สงเคราะห์เป็นพิเศษ เนื่องจากกาลเวลาต่างๆใกล้วาระที่จะมีผลในเรื่องของภัยต่างๆเข้ามายังโลกมนุษย์เพิ่มขึ้น วันนี้ใครที่เข้ามาแล้วก็นำวัตถุมงคลทั้งหลายมาทำสมาธิร่วมกันไปด้วย

สำหรับคนที่เข้ามาแล้วเราก็กำหนดจิตทรงอารมณ์เข้าสู่สมาธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงฌานทรงสมาธิตามกำลังสูงสุดที่เราทำได้ เริ่มต้นตั้งแต่การกำหนดในความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ผ่อนคลายร่างกายทิ้งกาย ปล่อยวางร่างกาย อยู่กับความสงบ จับลมหายใจของเรา เห็นลมหายใจเป็นเหมือนประกายพรึกพลิ้วผ่านเข้าออกในกาย  อยู่กับลมหายใจละเอียด ผ่องใส เบาสบาย จนจิตเข้าถึงความสงบร่มเย็น

จากนั้นจึงกำหนดจิตต่อไป หยุดจิต นิ่งหยุดในเอกัคคตารมณ์ ในอุเบกขารมณ์ สงบนิ่งผ่องใส 

จากนั้นเราจึงกำหนดในความนิ่งความหยุด กำหนดปรากฏเป็นดวงแก้วใสเป็นเพชรประกายพรึกสว่าง จิตเข้าถึงปฏิภาคนิมิต ทรงอารมณ์ในสภาวะกสิณในกำลังสูงสุดคือปฏิภาคนิมิต จิตเป็นเพชรประกายพรึกสว่างพร้อมกับความรู้สึกที่จิตเปล่งประกายแสงสว่างความผ่องใสเป็นประกายระยิบระยับเป็นเส้นแสงกระจายออกไปโดยรอบ ทรงสภาวะที่จิตเป็นเพชรประกายพรึกไว้

เมื่อจิตของเราเข้าสู่ความเป็นทิพย์แล้ว ตัดร่างกายแล้ว จิตสงบร่มเย็น จิตมีกำลัง จิตมีจิตตานุภาพโดยกำลังโดยเหตุที่เราสร้างที่เราฝึกฝนจนเป็นตบะ เป็นจิตตานุภาพ เป็นวสี เราจึงกำหนดจิตต่อไปรำลึกนึกถึงสิ่งสำคัญที่สุด 

กรรมฐานที่ใหญ่ที่สุดที่สำคัญที่สุดในเขตพระพุทธศาสนาก็คือพุทธานุสติ

กำหนดจิตรำลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า จิตปรากฏภาพพุทธนิมิตในจิตของเรา องค์พระเป็นเพชรประกายพรึกเป็นหนึ่งเดียวอยู่ภายในจิตของเรา

จากนั้นกำหนดจิตพิจารณา เนื่องจากวันนี้หลายๆท่านก็มีโอกาสที่ได้เข้าพิธี จะเป็นพิธีที่วัดก็ดีหรือรับทางไกลก็ดี บางท่านรับตั้งแต่ที่วัดท่าขนุนรอบพิเศษตอน 07:00 น. เช้า รอบสาย รอบบ่ายแล้วก็มาจบรอบเย็นค่ำประมาณ 18:00 น ที่วัดท่าซุงต่อ รวมความว่าวันนี้ก็รับไปหลายรอบ เราก็กำหนดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง พิจารณาว่ากำลังของยันต์เกราะเพชรเป็นกำลังของพุทธานุภาพ คาถายันต์เกราะเพชรหรือภาพของยันต์เกราะเพชรนั้น จริงๆก็เป็นการผูกโยงด้วยอักขระขอมอันเป็นคาถาของบทพุทธคุณคืออิติปิโส แล้วก็มีเส้นโยงร้อยเป็นตาข่ายยันต์ เรียกว่า “ยันต์เกราะเพชร” 

ดังนั้นเมื่อคาถาหรือยันต์เกาะเพชรนี้เป็นพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้า กำลังของยันต์เกราะเพชรในการปกปักรักษาคุ้มครองประสิทธิ์ประสาทลงมาก็เป็นกำลังของพุทธานุภาพ ดังนั้นกำลังที่ท่านจะคุ้มครองได้ อันที่จริงก็จะคุ้มครองและเกิดผลสูงสุดกับบุคคลที่มีความเคารพนอบน้อมในคุณพระรัตนตรัยคือคุณของพระพุทธเจ้า บุคคลที่ไม่ได้เข้าถึงไตรสรณคมน์ ถึงได้ฟังหรือไปนั่งอยู่ในพิธีแต่จิตไม่ได้มีความเคารพในพระพุทธเจ้าหรือคิดประมาทปรามาสพระพุทธองค์ ปรามาสคุณพระรัตนตรัย กำลังของยันต์เกราะเพชรก็ไม่อาจคุ้มครองบุคคลที่ไม่ได้มีความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธองค์ได้ 

แล้วก็ตรงกันข้าม บุคคลใดที่ยิ่งมีจิตมั่นคงในไตรสรณคมน์ มีศีล 5 ที่บริสุทธิ์ มีปัญญาในวิปัสสนาญาณ พิจารณาในมรณานุสติไม่ประมาทไม่เกาะกายจนเกินไป กำลังของยันต์เกราะเพชร กำลังของพุทธานุภาพจากพิธีในการอาราธนาบารมีพระในพิธีพุทธาภิเษกต่างๆในวันนี้ก็จะยิ่งมีผลประสิทธิ์ประสาทลงมาสู่บุคคลผู้มีศรัทธาปสาทะเลื่อมใส รวมทั้งมีจิตทรงความดี ทรงคุณธรรม มีศีล ดังนั้นก็ให้เราพิจารณาว่าจิตของเราในขณะนี้ เรามีความเคารพพระพุทธเจ้า เลื่อมใสพระพุทธเจ้า นอบน้อมอ่อนโยนต่อพระพุทธองค์มากแค่ไหน

กำหนดน้อมว่าพระพุทธเจ้าเป็นสรณะเป็นที่พึ่งที่อาศัย คุณพระพุทธเจ้าปกเกศปกกระหม่อมคุ้มครองชีวิตของเรา ให้อยู่ในเส้นทางแห่งความสุข ในเส้นทางแห่งบุญแห่งกุศล พิจารณาแล้วก็ยิ่งกำหนดจิต ทรงภาพองค์พระที่สว่างเป็นเพชรประกายพรึก

จากนั้นกำหนดจิตต่อไป พิจารณาว่าเรามีศีลห้าเป็นปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่เราเจริญพระกรรมฐานในขณะนี้ แม้แต่เวลาปกติในปกติวิสัยในชีวิตประจำวันของเรา เราก็รักษาศีล เป็นผู้ที่มีศีล จิตของเรามีเมตตาพรหมวิหารสี่ จิตไม่ได้มีความคิดที่จะไปเบียดเบียนผู้อื่น เมื่อจิตของเราอยู่ในกุศล มีความเคารพมีความศรัทธาในพระรัตนตรัย ศรัทธาเลื่อมใสในพระธรรมคือธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสในพระอริยสงฆ์ในครูบาอาจารย์ที่สืบต่อกันมา นับตั้งแต่หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีพระราชพรหมยานเป็นที่สุด เป็นผู้ถ่ายทอดประสิทธิ์ประสาทวิชายันต์เกราะเพชรนี้ 

ความเคารพเลื่อมใสเป็นเครื่องนำพาจิตให้เชื่อมโยงต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเลื่อมใสนั้น ยิ่งศรัทธายิ่งเคารพยิ่งเลื่อมใสมากเท่าไร กระแสที่ท่านเชื่อมโยงลงมาสู่จิตของเรา ลงมาสู่กาย ลงมาสู่วัตถุมงคล ลงมาสู่จิตของเรายิ่งมีกำลังของพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพสูงยิ่งขึ้นเพียงนั้น 

เราพิจารณาแล้ว เราน้อมจิต อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทรงสงเคราะห์ ขอยกจิตข้าพเจ้าทุกคนขึ้นไปบนพระนิพพาน อธิษฐานจิต ขอกายทิพย์นั้นปรากฏอยู่เบื้องหน้าสมเด็จองค์ปฐมพร้อมพรั่งด้วยพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ ครูบาอาจารย์มีหลวงปู่ปาน มีหลวงพ่อฤาษี มีครูบาอาจารย์พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ที่ข้าพเจ้ามีวาสนาบารมี มีบุญสัมพันธ์เกี่ยวข้องเกี่ยวเนื่อง จากนั้นตั้งจิตอธิษฐานบรรจงกราบด้วยความเคารพนอบน้อม กายทิพย์เรากราบ จิตเราผ่องใสสว่าง

จากนั้นตั้งจิตอธิษฐาน ขอจงปรากฏพานไหว้ครูทิพย์ เป็นแก้วเป็นเพชรเป็นดอกบัวแก้วเป็นธูปแพเทียนแพ อันเกิดขึ้นจากบุญกุศลกรรมฐานที่เราฝึกที่เราเจริญไว้ดีแล้ว ขอตั้งจิตยกพานไหว้ครูถวายตรงต่อสมเด็จองค์ปฐมพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ พระพุทธองค์ทรงเป็นพระบรมครู เป็นครูผู้โปรดสอนต่อพรหม เทวดา มนุษย์และหมู่เวไนยสัตว์ทั้งหลาย ข้าพเจ้านี้ขอนอบน้อมนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นครูบาอาจารย์ของข้าพเจ้าด้วยความเคารพนอบน้อม ขอท่านจงเมตตาประสิทธิ์ประสาทคุ้มครองรักษา คุ้มครองกายวาจาใจของข้าพเจ้าให้อยู่ในกุศล คุ้มครองกายชีวิตของข้าพเจ้าให้รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ จากภัยสงคราม จากอกุศลทั้งหลาย จากมารทั้งหลาย จากอวิชชาทั้งหลาย สัพพะภยะ สัพพะโรคะ ขอจงสลายไปด้วยกำลังของพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพด้วยเถิด

จากนั้นตั้งจิตอธิษฐาน กายทิพย์ของเราขอจงปรากฏสายโยงใยเชื่อมโยงกับกายเนื้อบนโลกมนุษย์ จากนั้นเราทรงอารมณ์จิตอยู่บนพระนิพพาน ขอจงปรากฏห้อมล้อมด้วยพระพุทธเจ้าทุกพระองค์มีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธาน พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ ขอเมตตาเป่ายันต์เกราะเพชรประสิทธิ์ประสาทลงตรงสู่กายทิพย์กายพระวิสุทธิเทพของข้าพเจ้า และขอยันต์เกราะเพชรจากพระนิพพานจงส่งตรงมาคลุมกายข้าพเจ้าด้วยเถิด

จากนั้นกำหนดด้วยสภาวะญาณเครื่องรู้ความเป็นทิพย์ของจิต ยันต์เกราะเพชรปรากฏเป็นแก้วใสสว่างเป็นลายยันต์เกราะเพชร เป็นตาข่ายยันต์คลุมกายคืออาทิสมานกายเราทั้งหมด คุ้มครองจากอวิชชาอกุศลทั้งปวง มิจฉาทิฐิทั้งปวง จงไม่อาจกล้ำกรายสู่อาทิสมานกาย จิตของข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อวิชชาคุณไสยจงไม่อาจก้าวล่วงผ่านเข้าสู่จิตของข้าพเจ้าได้อีกต่อไป จิตของข้าพเจ้าหากบุคคลใดเคยถูกของถูกอวิชชาถูกคุณไสยถูกกระทำ ก็ขอให้ยันต์เกราะเพชรนี้ปิดทวารจิตจากอวิชชาจากมนต์ดำจากคุณไสยจากของต่ำของไม่ดีทั้งปวงนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปด้วยเทอญ และทวารจิตของข้าพเจ้าที่เปิดมีองค์มีร่างทรงที่เป็นอวิชชา ณ บัดนี้ข้าพเจ้านับถือคุณพระรัตนตรัยเป็นพุทธมามกะเข้าถึงไตรสรณคมน์ ข้าพเจ้ามีพระบรมครูทรงคุมกายคุมจิต ดังนั้นนับแต่นี้ขอองค์พระปิดทวารทั้งห้า  กายวาจาใจจนถึงจิต จากอวิชชาทั้งปวง จากกระแสคลื่นของจิตที่เป็นอวิชชาทั้งปวง นับแต่นี้ขออกุศลไม่อาจกล้ำกรายเข้าสู่จิตของข้าพเจ้า มีแต่กุศลจิต มีแต่กระแสบุญ กระแสแห่งแสงสว่าง กระแสแห่งสิ่งที่เป็นอุดมมงคล

จากนั้นกำหนดจิตต่อไป ขอให้จิตข้าพเจ้าเห็นภาพยันต์เกราะเพชรจากพระนิพพานเป็นตาข่ายแก้ว เป็นอักขระขอมลายยันต์เกราะเพชรลงมาประสิทธิ์ประสาทคลุมกายข้าพเจ้านับตั้งแต่กลางกระหม่อม กลางกะโหลกศีรษะ ลายยันต์เกราะเพชรคลุมถึงศีรษะกะโหลก ผิวกายทั่วร่างทุกส่วนทั่วร่างกายขอจงมีอักขระยันต์เกราะเพชรสว่างเป็นแก้วใสเป็นแสงสว่างพุ่งทะลุออกมาจากกายเนื้อของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ 

ขอยันต์เกราะเพชรอันเป็นพุทธานุภาพของพระพุทธองค์ที่ครูบาอาจารย์ทุกองค์ท่านอัญเชิญประสิทธิ์ประสาทมาตั้งแต่ตอนเช้าจนกระทั่งถึงบัดนี้ ขอจงย้ำในความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ พลังพุทธานุภาพแห่งยันต์เกราะเพชรจงประสิทธิ์ประสาทลงสู่กายของข้าพเจ้าทุกคนจนเป็นแสงสว่าง อักขระยันต์ปรากฏทั่วผิวกาย อักขระยันต์ลงลึกจารึกถึงกระดูก ถึงกะโหลกศีรษะ 

กำหนดทรงสมาธิ จากนั้นตั้งจิตสวดอิติปิโสของแต่ละบุคคลพร้อมกับเห็นภาพยันต์เกราะเพชรเป็นแสงสว่างพุ่งเป็นลายยันต์ แสงสว่างพุ่งออกมาจากทั่วกายของเรา 

สวดอิติปิโสในจิต เห็นแสงสว่างทรงภาพทรงสภาวะที่กายเนื้อเปล่งประกายออกไป สวดอิติปิโสให้ครบ 9 จบ

ทรงสภาวะที่กายสว่าง ยันต์เกราะเพชรทั่วกายเปล่งแสงสว่างออกมา จิตนิ่งสงบปราศจากความลังเลสงสัยวิจิกิจฉาว่ายันต์เกราะเพชรเราได้รับไหม ตอนนี้ยันต์เกราะเพชรประสิทธิ์ประสาทเปล่งพุทธานุภาพเปล่งอานุภาพสูงสุดในกายเรา 

ภาวนาอิติปิโส กำลังพุทธคุณให้ครบ 9 จบ 

เมื่อครบ 9 จบแล้ว เราก็กำหนดจิตอธิษฐานอาราธนาบารมีพระ ขอพุทธานุญาตอัญเชิญกระแสแห่งพุทธานุภาพ พลานุภาพแห่งยันต์เกราะเพชรเป็นตาข่ายแหยันต์คลุมลงมายังวัตถุมงคล ลงมายังบ้านเรือนเคหะสถานสถานที่ที่เราอาศัย ขอกำลังพุทธานุภาพคุ้มครองให้เกิดกำลังบุญกำลังกุศล เกิดบารมี เกิดความรุ่งเรืองและเป็นเครื่องป้องกันภยันอันตรายทั้งภัยจากมนุษย์ ภัยจากอมนุษย์ ภัยจากภัยพิบัติ ภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ ภัยจากสงคราม อาวุธทั้งหลายไม่อาจกล้ำกรายทำอันตรายต่อชีวิตต่อทรัพย์สินของเราได้ หากไม่เกินอำนาจกฎของกรรม ขอพุทธานุภาพจงปรากฏ  

กำหนดจิตน้อมให้เห็นครูบาอาจารย์ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีชัดเจน ขอท่านเมตตาเป่ายันต์เกราะเพชรเข้ามาที่หน้าผากของเราโดยตรงแต่ละบุคคล ขอท่าน จนรู้สึกได้ว่าเห็นลายยันต์ปรากฏแปะอยู่ที่หน้าผากของเราเป็นแสงสว่าง

จากนั้นตั้งจิตอธิษฐาน ขอบารมีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ บารมีครูบาอาจารย์ ประสิทธิ์ประสาทกระแสบุญจากพระนิพพานอันมีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธาน ขออาราธนากระแสแห่งพระนิพพาน กระแสบุญกุศล กระแสกำลังพุทธานุภาพอันไม่มีประมาณ ลงมาคุ้มครองรักษาแผ่นดินบ้านเมืองประเทศชาติ ขอเป็นกระแสลงมาคุ้มครองขอบเขตของพระพุทธศาสนา วัดวาอารามสถานที่ปฏิบัติธรรม พระพุทธรูปทุกองค์ พระธาตุพระบรมธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ วัตถุมงคล พระเครื่องทั้งหลาย ตะกรุดผ้ายันต์ทั้งหลาย ขอเกิดกำลังแห่งพุทธานุภาพ สลายล้างสิ่งที่เป็นอวิชชามลทินออกไปจากเขตพระพุทธศาสนา 

ขอกระแสแห่งพระนิพพานชำระล้างจิตผู้ปฏิบัติธรรมที่มีกระแสแฝงในมิจฉาทิฐิ ขอจงสลายออกไปมีแต่เพียงสัมมาทิฐิ 

ขอกระแสแห่งพระนิพพานจงมีกำลังสลายล้างจนก่อเกิดแต่กระแสแห่งมรรคผล กระแสแห่งบุญกุศล กระแสแห่งแสงสว่าง กระแสแห่งสัมมาทิฐิ กระแสแห่งเมตตาพรหมวิหารสี่ กระแสแห่งบุญกุศลนี้จงสำเร็จประโยชน์ต่อทุกดวงจิตของพุทธบริษัทสี่ในเขตพระพุทธศาสนาด้วยเถิด

จากนั้นอธิษฐานจิตต่อไป ขอกระแสแห่งพระนิพพาน บุญกุศลกำลังพุทธานุภาพเนื่องในวันเสาร์ ๕ นี้ ขอจงมาประสิทธิประสาทรักษาอภิบาลองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินี พระพันปีหลวง พระบรมวงศานุวงศ์ สถาบันพระมหากษัตริย์ เทวดาผู้รักษาเศวตฉัตร เทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระสยามเทวาธิราชเจ้า บูรพมหากษัตราธิราช ขอมีกำลังเทพฤทธิ์พรหมฤทธิ์อิทธิฤทธิ์ กระแสแห่งพระนิพพาน กระแสแห่งบุญ จงพิทักษ์รักษาคุ้มครองคนดีผู้ทำคุณประโยชน์ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต่อประเทศชาติบ้านเมืองส่วนรวมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ขอจงมีกำลังพุทธานุภาพคุ้มครองรักษาทุกตัวคนด้วยเถิด

กำหนดจิต ทรงสภาวะในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพอยู่บนพระนิพพานสว่าง กำหนดพิจารณาอารมณ์จิต อารมณ์แห่งพระนิพพาน

พิจารณาเห็นทุกข์ภัยในสังสารวัฏ 

พิจารณาเห็นความไม่เที่ยง 

พิจารณาเห็นกฎแห่งกรรม 

พิจารณาจนเกิดปัญญาญาณเข้าใจทุกข์เข้าใจความไม่เที่ยงในสังสารวัฏ จนจิตเกิดความยินดีธรรมะฉันทะในพระนิพพานเป็นอารมณ์ 

วางความหลงความเกาะยึดในสังสารวัฏ ความหลงความเกาะในภพทั้งปวง ความหลงความห่วงในบุคคลทั้งหลาย เราปล่อยวางให้หมด 

พิจารณาขอจงเกิดปัญญารู้เห็นในวาระแห่งกรรม  ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยเหตุแห่งกรรม ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม บุคคลที่เสวยความทุกข์ก็เพราะความชั่วจากกรรมที่เคยกระทำนั้นกลับมาส่งผล บุคคลที่ประสบความสุขก็เป็นเพราะผลแห่งบุญที่เขาเคยทำ กรรมดีกลับมาส่งผล 

การที่เราเข้ามาเจริญพระกรรมฐานเข้ามาปฏิบัติจนเข้าใจในเรื่องของมรรคผลพระนิพพานก็เพราะบารมีบุญเก่าได้สะสมรวมตัวจนเห็นประโยชน์  เราพิจารณาว่าเรานี้โชคดีมีบุญบารมีเต็ม จึงเข้ามาสู่การทำความดีในขั้นสูงคือการภาวนา ภาวนาแล้วก็ยังเจริญปัญญาคือวิปัสสนาญาณ บารมีเต็มแล้วจึงไม่ได้ปฏิบัติเพียงแค่เป็นอุปนิสัย แต่เราปฏิบัติด้วยกำลังใจเต็มคือปฏิบัติเพื่อเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้ 

เรากำหนดพิจารณาว่าเมื่อเรายกจิตอาทิสมานกายขึ้นมาบนพระนิพพานได้ ชาตินี้ถ้าเราตั้งใจจริงเราก็ถึงซึ่งพระนิพพานได้เช่นกัน จิตสลายล้างวิจิกิจฉาความลังเลสงสัยในตนออกไป ถ้าตั้งจิตเพื่อพระนิพพานเราก็เข้าถึงพระนิพพานชาตินี้ได้ ธรรมะฉันทะเรามีจนเรายกจิตขึ้นพระนิพพานทุกวันไหม นึกถึงพระพุทธเจ้าทุกวันไม่เคยขาดไหม เราถามจิตเราดู ถ้าเรานึกถึงพระพุทธเจ้าเห็นภาพพระทรงภาพพระทุกวัน ยกจิตขึ้นมาบนพระนิพพานทุกวัน อธิษฐานเพื่อพระนิพพานชาตินี้ทุกวัน อย่างไรเมื่อถึงจิตสุดท้ายก่อนตาย วาระที่เราลับดับขันธ์จากอัตภาพนี้ เราก็เข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้แน่นอน

เมื่อเราทรงอารมณ์แห่งพระนิพพานแล้ว จำไว้ว่าขณะจิตที่เราพิจารณาเช่นนี้ อารมณ์เราก็ทรงอารมณ์อยู่ในอรหัตผลแม้เพียงชั่วคราว แต่เราเคยหยั่งเข้าและเมื่อปฏิบัตินานเข้าบ่อยเข้า สรรพกิเลสทั้งหลายมันก็ค่อยๆจืดไป นิวรณ์ห้าประการทั้งหลายมันก็คลายออกไป 

สังโยชน์ทั้งสิบที่แต่ก่อนเคยร้อยรัดแน่นหนาจนเรากระดิกกระเดี้ยไม่ได้ อยากเกิดอยากพบอยากเจออยากเวียนว่ายตายเกิดอย่างเพลิดเพลินในสังสารวัฏ สังโยชน์ทั้งสิบมันก็คลายตัวลงไป หลวมออกไป จนกระทั่งเรารู้สึกว่ามันไม่มีแรงรัดเราจนทำให้เราไม่อาจตัดสินใจที่จะไปพระนิพพาน สังโยชน์สิบมันคลายออกไปมาก เราลองพิจารณาดูจิตของเราว่าจริงไหม ยิ่งปฏิบัติมากเข้า เมื่อก่อนเคยห่วง เคยอาลัยแน่นหนา เคยอย่างนั้นไม่ได้อย่างนี้ไม่ได้ ฉันห่างเธอฉันขาดเธอไม่ได้ ฉันยึดมั่นถือมั่น เกาะกับสมบัติกับบ้านกับสินทรัพย์ทรัพย์สิน ตอนนี้ทุกอย่างมันคลายลง เมื่อทุกอย่างมันคลายลงก็แปลว่าความยึดมั่นถือมั่นลดลง กิเลสทั้งหลายมันเบาตัวลง จิตเราเป็นอิสระ จิตเริ่มพ้นเริ่มหลุดเริ่มคลายจากสังโยชน์เครื่องร้อยรัด และในที่สุดเมื่อจิตเป็นอิสระสูงสุด ก็พ้นจากอำนาจแห่งสังโยชน์ทั้งสิบ พ้นจากอำนาจของสรรพกิเลส เข้าถึงซึ่งพระนิพพานคือวิมุตติสุขได้ในที่สุด

กำหนดจิตพิจารณาจนจิตมีกระแสแห่งธรรมชำระล้างหลั่งไหลอยู่ในจิตของเรา กายทิพย์อาทิสมานกายเราก็พลอยสะอาดบริสุทธิ์ ด้วยเหตุที่เราใช้วิปัสสนาญาณเป็นเครื่องชำระล้างใจ ทรงอารมณ์พระนิพพานพร้อมกับสภาวะที่เราอยู่ท่ามกลางพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ด้วยจิตที่ผ่องใส เราแนบอยู่กับพระพุทธองค์ พระพุทธองค์เชื่อมกระแส เชื่อมกำลังพุทธานุภาพตรงลงมาสู่กายวาจาใจของเรา กำลังของยันต์เกราะเพชรได้ประสิทธิ์ประสาทอยู่ในกายเนื้อ อยู่ในจิตของเราทุกคนอย่างที่ไม่ต้องสงสัย หลายคนในขณะที่ทรงอารมณ์ กำหนดจิตเห็นภาพกายเนื้อมียันต์เกราะเพชรเป็นแสงทะลุพุ่งออกมาจากกายจากการที่ยันต์เกราะเพชรคลุมกายและซึมลึกลงไปถึงกระดูก ในขณะที่สวดอิติปิโสบางคนก็จะรู้สึกว่าขนลุก รู้สึกว่าบนศีรษะมีกระแสพลังลงหรือมีอาการยิบยิบๆตามตัว แต่ที่สำคัญที่สุดคือจิตปรากฏภาพนิมิตที่ทำให้เราสิ้นสงสัยว่าเราได้รับยันต์เกราะเพชรไหม ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่เรานึกถึงว่าตอนนี้กำลังของยันต์เกราะเพชรอยู่กับเราไหม เราก็กำหนดน้อมนึกถึงพระพุทธองค์พร้อมกับเปล่งประกายแสงสว่างกำหนดรู้ถึงยันต์เกราะเพชรที่คลุมกายเราไว้เป็นแสงสว่างพุ่งเป็นรัศมีออกไปคุ้มครองกายจากภยันอันตรายทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้ใครที่รับยันต์เกราะเพชรมาตั้งแต่รอบเช้าจนกระทั่งถึงรอบเย็นรอบค่ำ รวมถึงที่พึ่งเข้ามาตั้งจิตเจริญพระกรรมฐาน เราทุกคนมียันต์เกราะเพชรเป็นเครื่องคุ้มครองรักษา เป็นเครื่องรำลึกนึกถึงในพุทธานุสติ นึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า นึกถึงคุณแห่งพระธรรม นึกถึงคุณแห่งพระอริยสงฆ์ นึกถึงคุณแห่งพระนิพพาน ทรงอารมณ์อยู่บนพระนิพพานสว่าง 

จากนั้นค่อยๆกราบพระ กราบลาท่าน กราบลาพระพุทธเจ้า กราบลาครูบาอาจารย์ กราบลาพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ กราบลาหลวงปู่ปานหลวงพ่อฤาษีรวมถึงครูบาอาจารย์ท่านอื่น

จากนั้นหายใจเข้าช้าๆลึกๆ หายใจเข้าพุท ออกโธ ครั้งที่ 2 ธัมโม ครั้งที่ 3 สังโฆ

จากนั้นตั้งจิตโมทนาสาธุกับทุกคนที่ได้เจริญพระกรรมฐาน ทุกคนที่มีโชคดีได้เข้าพิธีรับยันต์เกราะเพชรจากครูบาอาจารย์ทุกวัดทุกรูปที่ท่านเมตตาสงเคราะห์ โมทนาสาธุที่ในขณะที่ทุกคนรับยันต์ก็ได้สวดมนต์ได้เจริญสมาธิเจริญพระกรรมฐาน 

บุญเป็นพลังงานใหญ่ ผู้คนยิ่งรวบรวมเจริญพระกรรมฐานมากเท่าไร ยิ่งเป็นกำลังบุญที่คุ้มครองชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราก็น้อมจิตขอให้บุญทั้งหลายที่สำเร็จประโยชน์ กำลังความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์พุทธานุภาพในโอกาสฤกษ์พิเศษคือเสาร์ ๕ ขอจงเป็นกำลังประสิทธิ์ประสาทความศักดิ์สิทธิ์ของจิตข้าพเจ้าทุกดวง ขอจิตดวงนี้จงมีพระนิพพานเป็นที่ไป จิตดวงนี้จงเข้าถึงอภิญญาใหญ่ จิตดวงนี้ขอจงเข้าถึงคุณความดีสูงสุดในพระพุทธศาสนาคือพระนิพพาน 

หากความศักดิ์สิทธิ์ในวันเสาร์ ๕ นี้มีความเข้มขลังและเราอธิษฐานขอได้ ก็จงขอให้จิตเรานี้ศักดิ์สิทธิ์เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้านับตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปด้วยเถิด ขอสิ่งที่ข้าพเจ้าอธิษฐานนี้ เทวดาพรหมทั้งหลาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลจักรวาล ได้โมทนาสาธุด้วยเถิด ปลุกเสกจิตให้เข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน ขอพระพุทธองค์พุทธาภิเษกจิตข้าพเจ้าสู่ปุถุชนขึ้นสู่ความเป็นอริยจิต จิตนี้จงศักดิ์สิทธิ์เป็นโลกุตระอภิญญา เป็นโลกุตระจิต กำหนดเห็นจิตของเรานี้มียันต์เกราะเพชรผนึกสว่าง

สำหรับวันนี้เราก็ตั้งจิตรับยันต์เกราะเพชรและทุกคนก็ได้รับเรียบร้อยแล้ว กำหนดรู้เป็นปัจจัตตังด้วยตัวของเราเอง ก็ขอให้เราทุกคนปลอดภัยจากภยันอันตรายจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง มีความเจริญรุ่งเรือง ยกภูมิจิตภูมิธรรมขึ้นสู่อริยจิต เข้าสู่อริยบุคคล เข้าสู่คุณความดีในพระพุทธศาสนา

สำหรับพรุ่งนี้ก็ขอพักหนึ่งวัน เนื่องจากวันนี้เราก็รวบมาเป็นกรณีพิเศษเนื่องจากวันเสาร์ ๕ 

แล้วก็มีข่าวประชาสัมพันธ์อีก 2 – 3 ประการคือ

1 สำหรับงานเมตตาสมาธิครั้งต่อไปที่จะจัดขึ้นที่สมาคมศิษย์เก่าจุฬาในวันที่ 15 กันยายน วันอาทิตย์ที่ 15 ถ้าท่านใดลงทะเบียนไม่ทันก็ยังพอมีที่ที่จะสำรองที่บางคนติดมาไม่ได้ก็ยังมีที่ว่างอยู่บ้างก็สามารถแจ้งความจำนงมาได้

ข้อที่สอง สำหรับผู้ที่ตั้งจิตเขียนแผ่นทองอธิษฐานสร้างพระเจ้าองค์แสนดวงจิตพระนิพพาน ตอนนี้ก็ขอให้เริ่มรวบรวมส่งกลับมาได้ที่คุณกฤตติกา ตอนนี้เริ่มรวบรวมกลับมาได้ ตอนนี้ก็ได้จัดซื้อแผ่นทองทั้งหมดครบหนึ่งแสนแผ่น แจกไปแล้วประมาณเจ็ดหมื่นห้าพันแผ่น แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ที่ประมาณสองหมื่นสามพันกว่าแผ่น

ช่วงนี้ท่านใดที่เขียนไว้แล้วทยอยส่งกลับมาเพื่อการตรวจนับและรวบรวม ถ้าก่อนส่งนับจำนวนเขียนยอดมาด้วยได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากเพื่อลดเวลาของผู้ที่ช่วยกันจัดสร้างจัดทำ

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของ course ultimate healer ที่จัดเป็นกรณีพิเศษในวันที่ 22 กันยายนยังมีที่ว่างอยู่ใครที่สนใจที่จะมาเรียนก็แจ้งความจำนงมากับอาจารย์ได้ ครั้งนี้ที่จัด ประกาศรวดเร็วฉุกละหุกเนื่องจากมีคุณหมอที่ท่านเป็นแพทย์แผนปัจจุบันแล้วก็รักษาโรคเกี่ยวกับมะเร็งโดยตรง ท่านรักษาแล้วก็มีผลจากการที่ท่านช่วยคนแล้วตัวเองก็มีผลทางด้านจิตใจ กระแสแล้วก็ส่วนที่กระทบ ดังนั้นก็เลยจำเป็นที่จะต้องจัดคอร์สพิเศษให้ ใครที่สนใจจะมาเรียนก็สมัครได้นะครับ

สำหรับวันนี้ ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน ขอให้เราทุกคนมีความสุขความเจริญ กำหนดรู้ว่ายันต์เกราะเพชรอยู่ที่เราเสมอตราบที่เรายังมั่นคงในพระรัตนตรัย อันที่จริงคนชอบกลัวว่ายันต์เกราะเพชรหายไหม ตราบใดที่เรานึกถึงพระพุทธเจ้า ตราบนั้นพระพุทธเจ้าท่านเมตตามีกระแสพุทธเมตตาเชื่อมโยงส่งตรงถึงเรา ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่ายันต์เกราะเพชรจะหายไหม ถ้าเรายังรักษาศีล เรายังเป็นคนดี เรายังมั่นคงในกุศล มั่นคงในพระรัตนตรัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมั่นคงในพระนิพพาน ถ้าคนไหนมั่นคงในพระนิพพานรับรองว่ายันต์เกราะเพชรอยู่กับเราตลอดแน่นอนทุกครั้งที่กำหนดรู้

สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน ใครมีประสบการณ์ความรู้สึกจากการเจริญพระกรรมฐานปฏิบัติอย่างไรวันนี้ก็สามารถแบ่งปันบอกเล่าในห้องในกลุ่มlineแล้วก็ในกลุ่ม Facebook ได้

สำหรับวันนี้สวัสดี โมทนาบุญกับทุกคน

ถอดความและเรียบเรียงโดย : คุณ Be Vilawan

You cannot copy content of this page