green and brown plant on water

กายสายรุ้ง อรูป กายทิพย์

เวลาอ่าน : 4 นาที

เสียงธรรมจากห้อง  “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน” 

วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568

เรื่อง กายสายรุ้ง อรูป กายทิพย์

โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค

กำหนดสติในความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ผ่อนคลายร่างกายกล้ามเนื้อทุกส่วน พร้อมกับความรู้สึกที่เราปล่อยวาง ความเกาะเกี่ยว ความยึด ความห่วงและผัสสะที่เกี่ยวเนื่องกับร่างกายขันธ์ 5 ของเราให้หมด ผ่อนคลายปล่อยวาง คือการตัด ละวางขันธ์ 5 วางกาย วางความรู้สึก วางผัสสะ วางความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ร่างกาย วางกาย วางจิต

จากนั้นกำหนดใช้สติของเรา กำหนดรู้ในลมหายใจ จินตภาพเห็นลมหายใจของเราเป็นเหมือนกับแพรวไหม พลิ้วผ่านเข้าออกในกาย ลมหายใจราบรื่นต่อเนื่อง ลมหายใจที่เป็นเหมือนกับแพรวไหมละเอียดอ่อน อ่อนโยนระยิบระยับ เราเป็นผู้ติดตามดูติดตามรู้ในลมหายใจ กำหนดรู้ในลมหายใจเป็นประกายพรึก เป็นประกายระยิบระยับ ในยามที่เรากำหนดเห็นลมหายใจเป็นประกายระยิบระยับ เราก็กำลังกลั่นลมจากอากาศให้กลายเป็นปราณเป็นพลังชีวิต เป็นลมที่มีธาตุแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เป็นลมแห่งกสิณ

กำหนดเห็นลมหายใจเป็นประกายระยิบระยับพลิ้วผ่านเข้าออกในกายของเรา ลมหายใจยิ่งเบายิ่งสงบยิ่งละเอียด จิตสัมพันธ์กับลมหายใจ ลมปราณสัมพันธ์จิตใจ ลมหายใจยิ่งเบายิ่งละเอียด สมาธิยิ่งขึ้นสู่ระดับของฌานที่สูงขึ้น สงบขึ้น อารมณ์จิตเบาสงบ สติจดจ่ออยู่กับลมหายใจละเอียด

กำหนดรู้ในลม คือ สติรู้ในกายคตามหาสติปัฏฐานสี่ เมื่อรู้ลมย่อมรู้เวทนา คือ ความสบายความหยาบความหนักของความรู้สึก

ลมสบาย คือ สติรู้ในเวทนามหาสติปัฏฐานสี่ รู้รักษาความสบาย อารมณ์มีความสบาย เราก็กำหนดรู้ว่าอารมณ์สบายๆนี้ ก็คืออารมณ์แห่งอุปจารสมาธิ เป็นจิตที่ทรงความสงบในระดับที่เรียกว่าฌานสี่ใช้งาน อารมณ์เบาๆสบาย ๆ

เมื่อสติกำหนดรู้ว่าลมสบายจิตสบาย จิตของเรามีความสงบในอุปจารสมาธิ สามารถต่อยอดไปสู่การฝึก ทั้งมโนมยิทธิ ทั้งอภิญญาจิต สติก็ได้ชื่อว่าทรงไว้ในจิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐานสี่ จิตสงบเป็นฌานก็รู้ว่าสงบเป็นฌานเป็นอุปจารสมาธิ

เมื่อความสงบปรากฏขึ้น จิตพิจารณาต่อไปว่า ความวุ่นวายของโลก ความฟุ้งซ่าน ความโกรธ ความพยาบาท ความเครียดแค้น ความวิตกกังวล นิวรณ์ 5 ทั้งหลาย จิตที่ครุ่นคิดอยู่ในเรื่องของกามคุณทั้ง 5 รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ความห่วงในบุคคล ความห่วงในกิจการงานหน้าที่ ความห่วงในภาระ อารมณ์ทั้งหลายที่กล่าวมานี้ เป็นอารมณ์ที่หยาบที่หนัก ที่สร้างความเร่าร้อน สร้างความวิตกกังวลให้จิต แต่เมื่อจิตของเราอยู่กับความสงบ อยู่กับลมหายใจสบาย อยู่กับอารมณ์ที่กำหนดรู้ในลมหายใจเป็นเหมือนกับแพรวไหม เบา ละเอียด สงบ เย็น เราก็กำหนดสติ รู้พิจารณาในธรรม ว่าความสงบเสมอด้วยความสงบนั้นไม่มี ความสุขที่ปรากฏจากความสงบของสมาธิที่เราเสวยอารมณ์อยู่ เป็นการที่ทำให้เราได้พักจิตพักใจของเรา จากความวุ่นวายทางโลก

กำหนดจิตตอนนี้อยู่กับลมสบาย กำหนดรู้ว่าเราทรงอยู่ในมหาสติทั้งสี่ครบถ้วน ยิ่งสงบยิ่งปล่อยวาง ยิ่งวางจิตยิ่งเบา ยิ่งเบาจิตยิ่งละเอียด ลมสบาย จิตสบาย ผ่องใส จิตสงบจนรู้สึกสัมผัสตระหนักได้ด้วยตนเอง

เมื่อทรงอารมณ์ทรงภูมิในการพิจารณาในสมถะ ลำดับต่อไปเราก็เดินจิตขึ้นสู่สมถะที่สูงขึ้นจากอานาปานสติที่เป็นลมสบาย เราก็กำหนด หยุดจิต นิ่งหยุด หยุดจิต หยุดการปรุงแต่ง อุเบกขาต่อสิ่งที่มากระทบทางตาหูจมูกลิ้นกายและที่มากระทบจิต นิ่งหยุด หยุดปรุงแต่ง หยุดอกุศล

เมื่อสงบจิตนิ่งหยุดได้แล้ว ต่อไปเราก็เดินจิตขึ้นสู่กสิณ จากจุดกำหนด น้อมนึกกำหนดภาพ ให้กลายเป็นวงกลม จากวงกลมกำหนดให้การทรงกลมคือ 3 มิติ ทรงกลมปรากฏขึ้นเป็นดวงแก้วสว่าง ดวงแก้วสว่างมีแสงสว่าง ดวงแก้วใสสว่าง กำหนดรู้ว่าดวงแก้วที่ใสสว่างที่เราตั้งนิมิตขึ้นมาได้นี้ ยิ่งสว่าง ยิ่งใส ถือว่าเป็นอุคหนิมิตในกสิณ

เมื่อกำหนดดวงแก้วขึ้นมาได้แล้วก็กำหนดเชื่อมระหว่างจิตกับดวงนิมิตของกสิณ จิตคือกสิณ กสิณคือจิต กำหนดให้เห็นจิตของเรานั้น จากสว่างใสให้กลายเป็นเพชรประกายพรึก เป็นประกายระยิบระยับ นึกภาพให้เห็นจิตของเราตอนนี้เป็นเพชรระยิบระยับ เราจะเลิกเรียกว่าดวงที่เรากำหนดนิมิตนั้นเป็นนิมิตกสิณ เรากำหนดไว้เลยว่า การกำหนดจิต เรากำหนดน้อมว่าภาพที่ปรากฏก็คือภาพจิตของเรา เป็นปฏิภาคนิมิตคือเป็นเพชรระยิบระยับสว่าง เมื่อภาพของจิตเราเป็นปฏิภาคนิมิตสว่าง เชื่อมโยงภาพนิมิตสัมพันธ์กับอารมณ์พระกรรมฐาน ยิ่งสว่างใจเรายิ่งเป็นสุข ยิ่งอิ่มเอม ยิ่งผ่องใส

กำหนดน้อมให้เห็นภาพดวงจิตของเราสว่าง ใจเราอิ่ม ใจเราเบิกบาน รู้สึกว่าภายในจิตของเรานั้นเปี่ยมพลังของความผ่องใสความเบิกบานความปลื้มปิติยินดี พลังงานของจิตล้นเหลืออยู่ภายใน สว่าง ทรงสภาวะที่จิตมีกำลังสูงสุดเป็นปฏิภาคนิมิต สภาวะเป็นเพชรที่เจียระไนละเอียดระยิบระยับแพรวพราว มีเส้นแสงรัศมีปรากฏขึ้น 360 องศาโดยรอบ  พ้นเลยขอบเขตจากเส้นรัศมีของจิต ก็ปรากฏสภาวะที่ชั้นบรรยากาศทั้งหมด เหมือนกับกากเพชรที่พร่างพรายโปรยปรายเป็นชั้นบรรยากาศแห่งความเป็นทิพย์ เป็นอาณาเขตเป็นอาณาบริเวณที่พลังของจิตเรา ที่เข้าถึงจิตเดิมแท้อันเป็นประภัสสร จิตที่ทรงสภาวะแห่งปฏิภาคนิมิต เปล่งประกายสว่างนั้นอยู่ กำหนดจิตสว่างไว้ ทรงสภาวะไว้ ทรงความเสถียรของพลังแห่งจิตตานุภาพไว้ รัศมีจิตเปล่งประกายจากภายในออกมาอย่างสม่ำเสมอ พลังงานของจิตที่เป็นเส้นแสง ส่งผล เกิดพลังงาน ก่อเกิดความสั่นสะเทือน ก่อคลื่นรัศมีของพลังจิต ทำให้สภาวะบรรยากาศโดยรอบ เปลี่ยนสภาวะอนุภาคโมเลกุลกลายเป็นกากเพชรระยิบระยับ มีความเป็นทิพย์ปรากฏ สิ่งใดที่อยู่ในขอบเขตอาณาบริเวณของจิตที่เปล่งประกายที่เราทรงฌานทรงอารมณ์อยู่นี้ ก็พลอยปรับอนุภาค สั่นสะเทือนกลายเป็นเพชรประกายพรึกด้วยเช่นกัน ทรงสภาวะจิตให้ตั้งมั่นราบรื่น มีเสถียรภาพให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ กำหนดผ่องใสเอิบอิ่มเปี่ยมพลัง สว่าง เปล่งประกาย มีแต่กุศลจิต มีแต่กระแสเมตตา มีแต่พลังงานที่เป็นบวก ทรงสภาวะจิตเราถึงพร้อมในพรหมวิหารสี่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พร้อมทั้งหมด รัศมีจิตแผ่ออกเป็นเมตตาอันไม่มีประมาณ จิตเอิบอิ่ม เปล่งประกายของพลังที่ประจุอัดแน่นอยู่ภายใน พลังงานที่เพิ่มพูนออกมาจากจิตของเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีความเหน็ดเหนื่อย ไม่มีความรู้สึกถึงการเสียพลัง เป็นพลังงานอันไม่มีประมาณไม่มีที่สุด อันเกิดขึ้นจากเมตตาพรหมวิหารอันไม่มีประมาน บุญที่สะสมบ่มตัวจากการสร้างบารมีมาหลายล้านหลายร้อยหลายแสนอสงไขยกัป รวมตัวเป็นพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทรงสภาวะเปล่งปฏิภาคนิมิตแห่งจิตนี้ไว้ จิตรู้ตื่นขึ้นสู่ศักยภาพภายใน บารมีทั้ง 30 ทัศ รู้ตื่นขึ้น สรรพวิชาทั้งหลายรู้ตื่นขึ้นจากภายในจิต สว่างพร่างพรายระยิบระยับ จิตเอิบอิ่ม

เมื่อเรากำหนดทรงอารมณ์จนถึงที่สุดด้วยกำลังของเราเองแล้ว เราก็ตั้งจิตว่า จิตตานุภาพการปฏิบัติการเจริญพระกรรมฐานนั้น เราขอยกให้พระบรมครู ก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่สุด กำลังจิตตานุภาพ กำลังพระกรรมฐาน ข้าพเจ้ามีกำลังแห่งความเพียรความวิริยะความอุตสาหะในการฝึกฝนปฏิบัติ เป็นฐาน อันกล่าวว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ข้าพเจ้ามีความเพียรมีกำลังสักเพียงใดก็ตาม ขอพระพุทธองค์ทรงเมตตาประสิทธิ์ประสาทเพิ่มพูนขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัวให้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทำได้เพียงใดกำลังเพียงใด ถือว่าเป็นกำลังแห่งอภิญญาจิตครึ่งกำลัง เราทำเองครึ่งกำลัง พระพุทธองค์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ครูบาอาจารย์สงเคราะห์เพิ่มพูนขึ้นให้อีกครึ่งกำลัง ก็รวมเป็นสองเท่าตัว ขอให้ ณ บัดนี้ องค์พระพุทธปฏิมา คือพุทธนิมิตแห่งพระพุทธองค์ ได้มาสถิตอยู่ในดวงจิต และขอให้จิตตานุภาพอภิญญาจิตของข้าพเจ้ายิ่งเปล่งประกายสว่างขึ้นไปอีก เพิ่มพูนขึ้นไปอีก สว่างขึ้นใสขึ้น เป็นประกายระยิบระยับขึ้นไปอีก กำหนดรู้ทรงสภาวะที่จิตประภัสสรสูงสุดนี้ไว้ องค์พระอยู่ภายใน กำลังของพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ กำลังของครูอุปัชฌาย์อาจารย์ แรงครูรวมไปถึงบารมีแห่งพระโพธิสัตว์เจ้า พระมหาโพธิสัตว์เจ้า มาสถิตรักษาอยู่ในจิตของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ สว่างผ่องใสขึ้นไปอีก กำหนดตระหนักรู้จากภายในว่าพลังงานของจิตเรา เมื่อเราทรงสภาวะน้อมกระแสพุทธานุภาพลงมาสู่จิต ความสว่างความผ่องใสรัศมีพลังงานทั้งหลาย มีมากยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ทั่วทั้งอนันตจักรวาลมารวมกัน เปล่งประกายสว่างออก ทรงสภาวะที่จิตเปี่ยมพลังที่สุด ผ่องใสที่สุด มีความเป็นทิพย์ที่สุด มีแต่กุศล มีแต่ความผ่องใส มีแต่กระแสเมตตา กำลังแห่งสมถะที่เราเจริญไว้ดีแล้ว ขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้ามีกำลังแห่งอภิญญาจิต ยกจิตขึ้นเข้าถึงมรรคผลพระนิพพานในชาติปัจจุบัน

กำหนดน้อมจิตอาราธนาบารมีสมเด็จองค์ปฐม ขอยกจิตข้าพเจ้าขึ้นไปบนพระนิพพาน จากนั้นพุ่งจิตขึ้นไป ความรู้สึกกำหนดรู้ว่าจิตเรามีพลัง เราจะพุ่งขึ้นไปมันไม่มีความรู้สึกช้าหน่วงหรือเอื่อย มันพุ่งขึ้นไปเหมือนกับจรวดที่มีพลังงานเต็มเปี่ยม พุ่งขึ้นไปเป็นแสงเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ พุ่งขึ้นไปปรากฏบนพระนิพพาน อธิษฐานจิตขอจงทรงสภาวะในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพสว่าง

เมื่อขึ้นไปบนพระนิพพานแล้วก็น้อมจิต ใช้อาทิสมายกายกายพระวิสุทธิเทพ กำหนดน้อมจิตกราบ สมเด็จองค์ปฐมพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน ด้วยความนอบน้อม ด้วยความเคารพ เมื่อกราบแล้ว เราก็ตั้งจิตว่าวันนี้เราตั้งใจปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นการฝึกในภาคของกายทิพย์ในเรื่องของกายสายรุ้ง อันเป็นวิชาทางสายวัชรญาณ คือสายแห่งพระโพธิสัตว์ มีต้นตำนานก่อกำเนิดขึ้นที่ดินแดนภูเขาเทือกเขาหิมาลัย ทิเบตภูฏานเชื่อมต่อกัน กำหนดน้อมจิตอธิษฐาน ขอครูบาอาจารย์ทางสายพระโพธิสัตว์ในอดีตชาติที่ข้าพเจ้าเคยปฏิบัติเคยเจริญมาดีแล้ว ขอท่านเมตตาปรากฏขึ้น

จากนั้นตั้งจิตนะอธิษฐานต่อไป ขอท่านทั้งหลายเมตตาประสิทธิ์ประสาทวิชากายรุ้ง หรือกายสายรุ้งนี้ ซึ่งเป็นวิชาที่ปฏิบัติเพื่อยกระดับเพิ่มพูนพลังของกายทิพย์ให้มากขึ้นเพิ่มพูนขึ้น รวมถึงเป็นการเจริญในอสุภสัญญา พิจารณาเห็นกายนี้เป็นโครงกระดูก เห็นกายนี้เป็นแก้วใส ซึ่งก็เป็นการผนวกระหว่างอสุภสัญญากับกสิณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวรรณกสิณ กสิณที่เป็นสี รวมถึงเหตุผลของกายรุ้งนี้ เป็นเหตุในการสะสมบารมีของพระโพธิสัตว์เจ้า ในเรื่องของเมื่อบรรลุแล้วก็ดี หรือเป็นพระโพธิสัตว์เป็นพระมหาโพธิสัตว์แล้วก็ดี ผู้ที่ฝึกกายรุ้งมากเท่าไหร่ก็จะมีแสงที่เรียกว่าฉัพพรรณรังสี ก็คือแสงรัศมีของจิตออกมาเจ็ดสี ก็เกิดขึ้นจากการฝึกฝนเพาะบ่มการปฏิบัติจากจุดนี้มา รัศมีกายยิ่งสว่างก็มาจากการฝึกปฏิบัตินี้มา ซึ่งในอดีตครูบาอาจารย์ทางสายวัชรญาณที่ฝึกฝนได้สำเร็จ กายเนื้อก็จะถูกกลั่นเป็นแสงกายหยาบหดเล็กลง และปรากฏเป็นแสงพุ่งออกไปจากกาย ก็คือไปจุติยังสวรรค์ชั้นดุสิตต่อ ก่อนที่จะลงมาสร้างบารมีในชาติภพใหม่ๆต่อไป

ในเรื่องของสายวัชรญาณนั้นอันที่จริง ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นสายครูบาทางล้านนา ท่านเล่าให้ฟังว่า อันที่จริงแล้วสายครูบาทางล้านนา ที่สืบต่อมาทางสายครูบาเจ้าศรีวิชัย ก่อนหน้านี้ก็มีครูบาต่างๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วก็เป็นครูบาอาจารย์สายวัชรญาณ ท่านเดินทางเป็นพระจากทิเบตบ้างภูฏานบ้าง ส่วนใหญ่ก็มาจากทิเบตเดินทางจาริกมาทางผ่านสิบสองปันนาจนกระทั่งมาถึงดินแดนล้านนา แล้วก็มีพระสงฆ์ของไทยในล้านนา ที่มีจิตศรัทธานับถือในสายวัชรญาณก็ปฏิบัติก็เป็นสายครูบา อันนี้ก็ขออนุญาตเล่าเป็นเกร็ดนิดหนึ่ง

ดังนั้นบางครั้งเราก็จะเห็นพระทางสายล้านนาบางครั้งท่านใส่หมวก บางครั้งท่านถือพัดที่เป็นหางขนนกยูงบ้าง มีกาน้ำบ้าง หรือมีจีวรสังฆาฏิที่มีลักษณะเหมือนกับพระทางทิเบตบ้าง ตรงนี้ก็คือเป็นเครื่องที่สืบมา ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เหตุผลหนึ่งที่บางครั้งถ้าเราสังเกตดู ทางสายครูบาทางล้านนาทางเหนือ ตั้งแต่หนุ่มบางครั้งบางองค์ท่านก็มีบารมีสูงมาก สามารถสร้างศาสนวัตถุพระพุทธรูปที่มีความใหญ่มีมูลค่าสูงวัดวาอารามสวยงามมาก แม้อายุน้อยก็มีบารมีสูง ตรงจุดนี้ก็ขออนุญาตยกตัวอย่างเช่นครูบาบุญชุ่ม ครูบาเทือง เป็นต้น หรือครูบาอริยชาติซึ่งท่านยังหนุ่มมากแต่สามารถสร้าง มีบารมีสูง อันนี้ก็เป็นเหตุหนึ่งจากวัตรปฏิปทาของทางสายทิเบตซึ่งสายทิเบตเขาจะเน้นว่า เมื่อปฏิบัติธรรมหรือสะสมบารมีไปถึงส่วนหนึ่ง เมื่อสะสมไปถึงส่วนหนึ่งตายไปก่อน ก็อธิษฐานจิตไว้ล่วงหน้าว่า ขอต่อสร้างบารมีต่อ ไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ อย่างที่เคยบอกว่าพอจบป 1 แล้วก็ต่อป 2 ตายจากชาตินี้ ตายไปตอนป 2 ชาติหน้าก็มาต่อป 3 เลย  ดังนั้นเราจะเห็นว่าครูบาอาจารย์ทางสายล้านนาที่เป็นพระสายครูบา สายพระโพธิสัตว์ท่านจะมีบารมีสูง เพราะว่าท่านต่อบารมีมาแบบนี้ไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่

เล่าเหตุมาค่อนข้างนาน ต่อไปก็เป็นการฝึกต่อในเรื่องของกายสายรุ้ง เราก็อธิษฐานจิต กำหนดจิต จริงๆวิชานี้ก็ยังมีความเนื่องในขันธ์ 5 ในร่างกาย เราก็กำหนดจิตแยกกายแยกจิต กายหนึ่งคือกายพระวิสุทธิเทพเราอยู่บนพระนิพพาน แต่อธิษฐานจิตขอให้เกิดกายเนื้อของเรา ขอจงไปปรากฏในถ้ำอันเป็นเขตเมืองบังบดบนเทือกเขาหิมาลัย ที่ครูบาอาจารย์รินโปเชสายวัชรญาณท่านฝึกท่านปฏิบัติท่านเข้าถึงดับขันธ์ 5 บรรลุกายสายรุ้ง เรากำหนดอธิษฐานจิตให้เห็นกายของเรา ที่เป็นกายเนื้อนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาในถ้ำ อยู่ในถ้ำอธิษฐาน พอเห็นกายแล้วเราก็เริ่มต้นกำหนดจิต วางฝ่ามือทั้งสองข้างไว้บนหัวเข่าที่เราขัดสมาธิ ฝ่ามือนิ้วจีบ นิ้วโป้งสัมผัสกับนิ้วกลาง นิ้วชี้และนิ้วอื่นๆก็กางออก กำหนดจิตทำความรู้สึกว่าจิตหยุด ณ ที่นิ้วกลางและนิ้วโป้งสัมผัสกัน ความรู้สึกว่าที่ฝ่ามือเป็นเหมือนกับดอกบัว อาสนะบริเวณที่เรานั่งก็เป็นดอกบัวแก้ว จากนั้นอธิษฐานจิต จิตข้าพเจ้ามีความบริสุทธิ์แห่งฌานสมาบัติบารมีทั้งหลาย พระกรรมฐานเจ้าดวงแก้วอันประเสริฐทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าเคยปฏิบัติมานับตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน ขอจงมารวมตัวกัน ณ บัดนี้ กายของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ ขอจงกลายเป็นแก้วใสบริสุทธิ์วิมุต กำหนดน้อมให้เห็นกายของเราเองนั้นเป็นแก้วใสบริสุทธิ์ กายข้าพเจ้าใสบริสุทธิ์สักประการใดก็ขอให้จิตข้าพเจ้าบริสุทธิ์ปราศจากธุลีแห่งกิเลสทั้งหลายฉันนั้นด้วยเช่นกัน

จากนั้นเปล่งประกายแสงสว่าง เป็นแสงสว่างสีขาวออกมาจากกายของเรา จนรู้สึกว่าถ้ำบนยอดเขาหิมาลัยนั้น สว่างไปหมด กำหนดน้อม ขอท่านทั้งหลายคุรุทั้งหลายสายวัชรญาณผู้ทรงฌานญาณอภิญญาสมาบัติ ตลอดจนวิชาเร้นลับแห่งวัชรญาณ เมตตามาประสิทธิ์ประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาสายพระโพธิสัตว์ 

จากนั้นอธิษฐานจิตต่อไป กำหนดให้เห็นกายที่ใสนั้น ปรากฏเป็นโครงกระดูกแก้วอยู่ภายใน  เห็นทั้งกายเนื้อรู้สึกถึงความเป็นกายเนื้อที่เป็นแก้วทั้งกาย แต่ภายในนั้นมีโครงกระดูกอยู่ กำหนดพิจารณาเป็นวิปัสสนาญาณไปพร้อมกัน กายภายนอกที่เป็นแก้ว มีความใสเพียงใดสว่างสวยงามเพียงใด ภายในกายหยาบขันธ์ 5 นี้ก็มีโครงกระดูกอันเป็นเครื่องระลึกถึงความตายอยู่ภายใน กำหนดพิจารณาเห็นโครงกระดูกในกาย ข้อต่อของโครงกระดูกทั้งหมดทั่วกาย กำหนดรู้ในกายทั้งหมด กำหนดรู้ในโครงกระดูกทั้งหมด ที่ใสสว่างอยู่

เมื่อกำหนดเรียบร้อย ลำดับต่อไปก็กำหนดให้เห็นโครงกระดูกของเรานั้น จากแก้วใส ๆสว่างกลายเป็นสีแดงเหมือนกับทับทิม โครงกระดูกภายในกายเนื้อกลายเป็นสีแดงทับทิมทั้งหมด พร้อมกับเปล่งแสงสว่างกระจายออกไปทั่วอนันตจักรวาล แสงสว่างจากยอดหิมาลัยในถ้ำนั้น สว่างคลุมโลกคลุมจักรวาลทั้งหมด จากโครงกระดูกขันธ์ 5 สีแดงของเราที่แผ่สว่างออกไป จากนั้นกำหนด จากแดงปรากฏกลับมาเป็นใส โครงกระดูกกลับมาใส แสงที่แผ่ออกกลายเป็นแสงสว่างสีขาว

กำหนดจิตต่อไป เคลื่อนความรู้สึกให้โครงกระดูกของเรานั้น เปล่งประกายเป็นแสงสีส้มสีแสดสว่างไปทั่วจักรวาล โครงกระดูกกลายเป็นแก้วสีส้มเปล่งประกายสว่างออกไปทั่วจักรวาล ทรงสภาวะไว้ จากนั้นกำหนดให้เห็นโครงกระดูกของเรากลับมาเป็นแก้วใสอีกครั้งหนึ่ง แสงสว่างสีขาวจากโครงกระดูกที่เป็นแก้วใส

จากนั้นกำหนดจิตเห็นโครงกระดูกกลายเป็นแก้วสีเหลือง แก้วสีเหลืองสว่าง มีแสงรัศมีสีเหลืองสว่างออกไปทั่วจักรวาลเปล่งประกายออกไป เร่งแสงสว่างสีเหลืองให้สว่างขึ้น พลังสำหรับบางคนเขาจะรู้สึกได้ว่าพลังนั้นปรากฏในกาย พลังเคลื่อนไปตามจักระ เปล่งประกายสว่างแสงสีเหลืองไปทั่วจักรวาลเรียบร้อย เราก็กำหนดให้กายกลับมาเป็นแก้วใสสว่าง แสงสีขาวเปล่งประกายออกมา

จากนั้นกำหนดจิต ให้เห็นโครงกระดูกของเรากลายเป็นสีเขียว สีเขียวมรกตเปล่งประกาย สีเขียวมรกตออกมาจากโครงกระดูกของเราทั่วกายของเรา เปล่งประกายแสงสีเขียวมรกตออกไปทั่วจักรวาล เปล่งประกายสว่าง จากนั้นโครงกระดูกเรากลับมาเป็นแสงสีขาวใสเป็นแก้วบริสุทธิ์ กลั่นโครงกระดูกกลั่นธาตุให้กลายเป็นแก้วใสสว่าง

จากนั้นกำหนดจิตต่อไป ให้เห็นโครงกระดูกของเรา ปรากฏสภาวะกลายเป็นสีฟ้าเข้มอความารีน สีฟ้าสว่างกระจายออกไปทั่วอนันตจักรวาล เปล่งประกายสว่างออก แสงสีฟ้า โครงกระดูกเป็นแก้วสีฟ้าอความารีนเปล่งประกายสว่าง จากนั้นกำหนดจิตให้เห็นโครงกระดูกของเรา กลับมาเป็นแก้วใส กลั่นธาตุโครงกระดูกขันธ์ 5 ของเราให้กลายเป็นแก้วใสสว่าง

จากนั้นกำหนดจิตต่อไป ให้เห็นโครงกระดูกของเราทั่วร่างกาย กลายเป็นสีครามคือน้ำเงินเข้ม กระดูกกลายเป็นแก้วใสสีครามน้ำเงินเข้มไพลิน เปล่งประกายสีน้ำเงินเข้ม แสงสีน้ำเงินเข้ม แผ่สว่างออกไปทั่วจักรวาล เมื่อเปล่งประกายออกไปถึงที่สุดแล้ว เราก็เร่งให้แสงสีน้ำเงินเข้มยิ่งเปล่งประกายสว่างขึ้นไปอีก จากนั้นกำหนดให้เห็นโครงกระดูกขันธ์ 5ของเรา กลับเป็นแก้วใสสว่าง มีแสงสีขาวเปล่งประกายสว่างออกมา กลั่นขันธ์ 5 โครงกระดูกของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่านแสงสี

จากนั้นกำหนดจิตต่อไป ให้เห็นโครงกระดูกของเรานั้นกลายเป็นแก้วสีม่วงเข้มเปล่งประกายแสงสีม่วง แสงสีม่วงเป็นแสงสีแห่งความศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนสว่างกระจายออกไปทั่วจักรวาล บางคนก็จะรู้สึกว่าพลังมาอยู่ที่กลางกระหม่อม ณ ตอนนี้ เปล่งประกายสว่างแสงสีม่วงออกไปทั่วจักรวาล โครงกระดูกเปล่งประกายแสงสีม่วงเข้ม กายจิตมีความศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นกำหนดจิตต่อไป ให้เห็นกายโครงกระดูกกลับมาเป็นแสงสีขาวแก้วใสสว่าง กายรุ้งเปล่งประกายฉัพพรรณรังสีทั้งเจ็ดออกมาพร้อมกันตอนนี้ กำหนดน้อมเวลาแสงสว่างสีขาว ส่องผ่านปริซึมคือแท่งที่เป็นคริสตัลสามเหลี่ยม แสงสีขาวเมื่อผ่านปริซึมก็จะแยกสีออกมาเป็นเจ็ดสีคือสีรุ้ง จิตของเราตอนนี้ก็เหมือนกับกลั่นแยกจำแนก แยกสเปกตรัมความถี่ แยกพลังงาน กำหนดเห็นว่าเราเป็นแก้วใสสว่าง แต่รัศมีของกายเรากลายเป็นรุ้งประกายพรึกเจ็ดสี เปล่งประกายสว่างออกมาพร้อมกันตอนนี้ ความรู้สึกตระหนักได้ชัดเจนว่ารัศมีเส้นแสงของจิต รัศมีของจิตความชัดเจนของปฏิภาคนิมิต คือความสว่างแพรวพราว มันชัดขึ้นเข้มข้นขึ้น กำหนดรู้อยู่ของเราแต่ละคน ทรงสภาวะที่เห็นกายเห็นโครงกระดูกสว่างเป็นรัศมี แสงเจ็ดสี ฉัพพรรณรังสีรัศมีจิต อธิษฐานว่า ขอกำลังจิตตานุภาพฉัพพรรณรังสีรัศมีจิตของข้าพเจ้า จงเพิ่มพูนความเป็นทิพย์ ความศักดิ์สิทธิ์ ความอัศจรรย์ อธิษฐานสิ่งใดก็ขอจงเกิดความสำเร็จสัมฤทธิ์ มีพลังแห่งความบริสุทธิ์ มีตบะอันแรงกล้าแห่งฌานสมาบัติ มีกระแสแห่งเมตตาในน้ำพระทัยแห่งพระโพธิสัตว์เจ้าในศาสตร์ที่ข้าพเจ้าได้รับการประสิทธิ์ประสาทมานี้

กำหนดเห็นจิตของเราตอนนี้เปล่งประกายสว่าง ใบหน้าของกายเนื้อเอิบอิ่มดุจพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์ จิตคือหัวใจภายในสะอาดบริสุทธิ์ดุจองค์พุทธะ จิตมีความมุ่งหมายปรารถนาในพระนิพพาน แต่ตราบที่ยังมีชีวิตก็มีเมตตาปรารถนาที่จะเกื้อกูลสรรพสัตว์ ให้พ้นจากความทุกข์ เข้าถึงความสุข เข้าถึงประโยชน์สุขทั้งหลาย ความสว่างของกายของเราตอนนี้สว่างอย่างยิ่ง

อธิษฐานจิตขอบารมีพระพุทธองค์ เทพพรหมเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอจงปรากฏญาณความเป็นทิพย์ทั้งหลายขณะนี้ ให้ข้าพเจ้าได้เห็นเทพพรหมเทวาที่มาอภิบาล มาพิทักษ์รักษาคุ้มครองข้าพเจ้าในขณะที่ฝึกพระกรรมฐานครั้งนี้ด้วยเทอญ เห็นกายเราสว่าง กายเนื้อที่ตอนนี้เรากำหนดฝึกอยู่ที่บนยอดเขาในถ้ำบนเทือกเขาหิมาลัย เขาไกรลาส กำหนดให้เห็นเทวดาพรหม กำหนดให้เห็นครูบาอาจารย์ ให้เห็นชัดเจนสว่าง เห็นลามะ เห็นครูบาอาจารย์ที่ท่านเคยฝึกเคยปฏิบัติมา รวมถึงท่านที่เป็นพระสายอภิญญาทั้งหมด ขอเมตตามาปรากฏมีหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นประธาน ครูบาอาจารย์ที่อายุหลายพันปีที่ปรากฏในตำนานของถิ่นต่างๆ จะในพม่าก็ดี จากที่ทิเบตภูฏานก็ดี ในเขตประเทศลาวก็ดี หรือในประเทศไทย คณะของครูบาอาจารย์อภิญญาที่อยู่ในเมืองบังบดลับแล ขอเมตตามาปรากฏที่เขาไกรลาส คือยอดแห่งเขาหิมาลัยครั้งนี้ เมตตามาประสิทธิ์ประสาทสรรพวิชาอภิญญาจิต ขอรับข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นศิษย์ และขอให้สรรพวิชานี้ยังประโยชน์ต่อโลก ต่อชาติบ้านเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ ใช้ในทางสร้างสะสมบารมีตามแนวทางพระโพธิสัตว์

กำหนดจิตของเราสว่างผ่องใส กายเนื้อของเราตอนนี้สว่างกายเป็นแก้ว อธิษฐานจิตขอครูบาอาจารย์ทั้งหลายในภาคทิพย์ มาประสิทธิ์ประสาทให้กับข้าพเจ้าเป็นปัจเจกบุคคล คือสงเคราะห์ตามบารมีวาสนาที่ข้าพเจ้าเคยทำมา ความเหมาะสมหน้าที่ สิ่งใดที่เป็นของทิพย์ สิ่งใดที่เป็นของมงคล สิ่งใดที่เสริมเพิ่มบารมีธรรมบารมีโลกให้กับข้าพเจ้า ยังประโยชน์ในงานที่ข้าพเจ้าจะสร้างจะทำต่อไปเพื่อส่วนรวม ก็ขอให้ท่านทั้งหลายเมตตามามอบให้ มาประสิทธิ์ประสาทให้ ณ บัดนี้ด้วยเทอญ

กำหนดทรงสภาวะ เมื่อเรารับมอบได้รับการประสิทธิ์ประสาทจากครูบาอาจารย์สายอภิญญา เราก็น้อมจิตใช้กายเนื้อในภาคทิพย์ที่เราขึ้นมาฝึกวิชานั้น กราบทุกท่านทุกๆพระองค์ ด้วยความนอบน้อม ด้วยความขอบคุณ

จากนั้นก็มากำหนดที่กายเนื้อที่เป็นแก้วใสอยู่ตอนนี้ กำหนดอธิษฐานจิตว่าในยามที่ท่านทั้งหลายที่ปฏิบัติทิ้งกาย ก็กำหนดให้เห็นกายนั้นค่อยๆสลายเลือนไป สลายตัวไปเป็นอรูปสลายดับกายทิ้งกาย ดับกายทิ้งขันธ์ 5 สลายออกไป ธาตุหยาบทั้งหมดดินน้ำลมไฟสลายตัวกลายเป็นความว่างไปจนหมด

จากนั้นมีเพียงจิตพุ่งขึ้นไปเป็นแสงสีรุ้งพุ่งขึ้นไป จากแทนที่กายพุ่งขึ้นไป ตอนนี้ให้เราพุ่งขึ้นไปบนพระนิพพาน แสงสายรุ้งพุ่งกลับมารวมกับกายพระวิสุทธิเทพของเราบนพระนิพพาน เมื่อมาอยู่กับพระพุทธองค์บนพระนิพพานแล้ว ลำดับต่อไปเราก็อธิษฐานจิต ขอให้จิตตานุภาพของข้าพเจ้าเพิ่มพูนบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ เทพฤทธิ์ ด้วยแรงครูบาอาจารย์ที่เมตตามาประสิทธิ์ประสาทด้วยเทอญ ขอท่านทั้งหลายเมตตาโมทนาสาธุการ

จากนั้นกำหนดอธิษฐาน ขออาราธนากระแสบุญของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์บนพระนิพพานแห่งนี้ ทานศีลภาวนาบารมีทั้ง 30 ทัศ ของท่านทั้งหลายมีมากมายอย่างหาที่สุดหาประมาณไม่ได้ฉันใด ข้าพเจ้าขออาราธนาน้อมเป็นกระแสบุญศักดิ์สิทธิ์จากพระนิพพาน ลงมายังภพภูมิทั้งหลาย ดวงจิตทั้งหลายวัฏสงสารทั้งหลาย เป็นกระแสเมตตาจากทุกท่านทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน ที่โปรดเกื้อกูลมวลหมู่เวไนยสัตว์ทั้งหลาย ให้พ้นจากความทุกข์ด้วยเทอญ

จากนั้นแผ่เมตตา น้อมกระแสพระนิพพานลงมายังภพภูมิของอรูปพรหมทั้งสี่ชั้น แผ่เมตตาลงมายังพรหมโลกทั้ง 16 ชั้น มีท่านท้าวสหัมบดีพรหมทรงเป็นประธาน แผ่เมตตาต่อไปยังสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น มีพระอินทร์มีท้าวมหาราชทั้งสี่ เป็นอาทิเมตตาเป็นประธาน กระแสบุญถึงเทวดาทั้งหลายทุกๆพระองค์ แผ่เมตตาต่อไปยังรุกขเทวดา อากาศเทวดา ภุมเทวดา พระภูมิเจ้าที่ เจ้าที่เจ้าทาง เทวดาที่เป็นเจ้าป่าเจ้าเขา เทวดาที่มีวิมานอยู่ตามต้นไม้ทั้งหลาย ทุกดวงดาวทั้งโลกทั่วอนันตจักรวาล แผ่เมตตาต่อไปยังมนุษย์ทั้งหลายที่มีขันธ์ 5 กายเนื้อ จะเป็นมนุษย์บนโลกนี้ก็ดี มนุษย์ในดวงดาวอื่น มนุษย์ต่างดาว ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่มีกาย มีภูมิแห่งความเป็นมนุษย์ จะอยู่ดาวดวงใดก็ขอให้กระแสบุญนี้ไปถึง แผ่เมตตาต่อไปยังสรรพสัตว์ที่มีขันธ์ 5 กายหยาบ จะมี 2 ขาจะมี สี่ ขาจะมี 6 ขาจะมี 8 ขา หรือจะมีขาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน แต่มีกายเนื้อกายหยาบฉันใด ก็ขอให้กระแสบุญกระแสกุศลไปถึงทุกตัวทุกหมู่สัตว์ทุกดวงจิต แผ่เมตตาต่อไปยังดวงจิตดวงวิญญาณของโอปปาติกะสัมภเวสี ที่หลงอยู่ในโลก หลงอยู่ในภพภูมิ หลงอยู่ในมิติที่ทับซ้อน หลงอยู่ในจักรวาล ขอบุญกุศลจงส่งผลถึงดวงจิตทั้งหลายเหล่านี้ หลงติดอยู่ผิดภพภูมิทั้งหลาย แผ่เมตตาต่อไปยังดวงจิตของเปรตอสุรกาย ที่เสวยวิบากกรรมทั้งบนโลกนี้ หรืออยู่ในเขตในมิติอื่นใดดาวดวงใด ก็ขอให้กระแสบุญกุศลจงส่งผลไปถึง แผ่เมตตาต่อไปยังภพที่เสวยวิบากกรรมอยู่ในนรกภูมิทุกขุม ขอพระยายมราชนายนิรยบาลทั้งหลายได้เมตตาเป็นพยานบุญ ขอได้เก็บบุญไว้ให้กับท่านทั้งหลายเมื่อพ้นโทษพ้นทุกข์ภัย ขอน้อมกระแสบุญทั้งหลาย มีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธาน เมตตาแผ่มหากุศลอันไม่มีประมาณ เปิดสามภพภูมิสามแดนโลกธาตุ โปรดมวลหมู่เวไนยสัตว์ ขอกระแสบุญจงสำเร็จสัมฤทธิ์

จากนั้นกำหนดจิต ขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ น้อมกระแสบุญลงมาคลุมประเทศไทยทั้งหมด คลุมโลกนี้ทั้งหมด ให้เกิดความสุขสงบสันติร่มเย็น น้อมกระแสบุญส่งผลให้เข้าสู่ยุคชาววิไล ผ่านพ้นยุคแห่งศึกสงครามความวุ่นวาย โรคระบาดโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย จงผ่านพ้นไปให้เร็วที่สุด เข้าสู่ยุคชาววิไลให้รวดเร็วที่สุดด้วยเทอญ

แผ่เมตตาต่อไป ขอกระแสบุญกุศลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสจากพระนิพพาน ส่งผลลงมาคุ้มครองบุคคลทั้งหลายที่ปกปักรักษาชาติบ้านเมือง ทหารหาญทุกคน หรือไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดข้าราชการเอกชนพลเมืองทั้งหลาย ที่มีจิตช่วยเหลือเกื้อกูลทำนุบำรุงรักษาชาติ ก็ขอให้มีกำลังบุญขอให้มีเทวดาพรหมคุ้มครองเป็นพิเศษด้วยเทอญ

ขอน้อมกระแสบุญจากพระนิพพานลงมา น้อมลงมายังเขตของพระพุทธศาสนา พุทธอาณาจักรทั้งหมด จะในประเทศไทยก็ดีต่างประเทศก็ดี วัดวาอารามทั้งหลายสถานปฏิบัติธรรมทั้งหลาย พระพุทธรูปวัตถุมงคล ขอจงมีแต่พลังแห่งบุญ พุทธานุภาพบริสุทธิ์ มีแต่กระแสแห่งสัมมาทิฐิ มีแต่กระแสธรรมอันเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์วิมุตหมดจดมรรคผลพระนิพพานจงกระจ่างแจ้งในจิต กระแสธรรมจงส่องตรงลงมายังเขตพระพุทธศาสนาทั้งหลาย พุทธอาณาจักรทั้งหลายด้วยเทอญ

จากนั้นน้อมกระแสบุญจากพระนิพพาน ลงมาคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ เทวดาทั้งหลายที่พิทักษ์รักษาพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรก็ดี พระบรมมหาราชวังพระตำหนักทั้งหลายก็ดี ตลอดจนเทวดาที่อยู่ประจำเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เทวดาที่พิทักษ์รักษาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร พระสยามเทวาธิราช ดวงจิตดวงพระวิญญาณของบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า ตลอดรวมไปจนถึงดวงจิตของแม่ทัพขุนศึกทั้งหลายที่เสียสละพิทักษ์รักษาชาติ รักษาบ้านเมืองแผ่นดินมา ขอกระแสบุญกุศลจงน้อมถึงท่าน ให้ท่านทั้งหลายปรากฏบุญฤทธิ์เทพฤทธิ์อิทธิฤทธิ์ ทรงพลานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ มีกำลังในการปกปักรักษาคุ้มครองชาติศาสนาสถาบัน มีกำลังใหญ่กว่าบุคคลที่เป็นพาลชน มีกำลังใหญ่กว่าบุคคลที่คิดร้ายคิดทำลายชาติศาสนาสถาบัน ขอท่านทั้งหลายจงเพิ่มพูนอิทธิฤทธิ์แสงสว่างรัศมีจิต กำลังแห่งบุญจงส่งผลถึงทุกท่านทุกๆพระองค์ด้วยเทอญ

จากนั้นกำหนดให้เห็นท่านทั้งหลาย เราเห็นด้วยความเป็นทิพย์ว่าท่านสว่างขึ้น มีกำลังขึ้น มีบารมีที่คุ้มครองรักษาสถาบันส่วนรวมให้อยู่รอดปลอดภัยผ่านพ้นช่วงภัยพิบัติความวุ่นวายทั้งหลายไปได้

จากนั้นเมื่อเราอธิษฐานเพื่อส่วนรวมเรียบร้อยแล้ว เราก็อธิษฐานจิต ขอบารมีแห่งพุทธานุภาพธรรมานุภาพสังฆานุภาพเทวดาพรหม แรงครูบาอาจารย์ แรงประสิทธิ์ประสาทจากพระโพธิสัตว์พระมหาโพธิสัตว์ หมู่คณะข้าพเจ้าได้จัดสร้างผ้ายันต์เกราะเพชรเป็นจำนวน 50,000 ผืน สติ๊กเกอร์ยันต์เกราะเพชรจำนวน 2,865 แผ่น ขอบารมีพระพุทธองค์ พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ แรงครูบาอาจารย์แรงพระโพธิสัตว์เทพพรหมเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอจงมาประสิทธิประสาท น้อมกระแสจากพระนิพพานลงมายังผ้ายันต์ทั้งหลาย ที่จัดทำแล้วให้เกิดความเข้มขลังเกิดความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ ผู้ใดที่บูชาอันเชิญไว้ก็ขอจงแคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยทั้งปวง จากภัยพิบัติทั้งปวง จากภัยสงครามทั้งปวง กระสุนจงแหวกหลบไป เทวดาจงดลใจให้ไม่ไปในเขตที่เป็นอันตราย ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้คุ้มครองรักษาประจำผ้ายันต์ทุกผืน ขอบุคคลทั้งหลาย ที่มีจิตศรัทธาจงรอดปลอดภัยจากโรคระบาดโรคภัยไข้เจ็บภัยพิบัติทั้งปวง และนำพาตนเข้าสู่ยุคชาววิไลได้

จากนั้นอธิษฐาน ให้มีแสงสว่างจากพระนิพพานลงมา เห็นผ้ายันต์เกราะเพชรสว่าง ผ้ายันต์สีแดงตัวอักษรสีทองสว่าง กำลังพุทธานุภาพลงมาประสิทธิ์ประสาท จิตที่เราทั้งหลายเจริญพระกรรมฐานในกำลังพระกรรมฐานที่สูง อธิษฐานจิตร่วมกันยิ่งก่อเกิดความศักดิ์สิทธิ์

จากนั้นเราก็กำหนดนะ อธิษฐานกราบลาพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ครูบาอาจารย์ทุกท่านทุกๆพระองค์ ท่านทั้งหลายที่มาโปรดมาสงเคราะห์สอนข้าพเจ้าในวันนี้ เมื่อน้อมกราบแล้วก็อธิษฐานจิตให้เห็นแสงสว่าง จิตเราพุ่งกลับมายังร่าง เป็นแสงสว่างพุ่งตรงลงมายังขันธ์ 5 กายเนื้อนี้ อธิษฐานขอให้มีกำลังบุญ เราเคยรับยันต์เกราะเพชรมาแล้ว ก็ขอให้กระแสจากพระนิพพานนี้ ปลุกความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์แห่งยันต์เกราะเพชร คือพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้าอิติปิโสเป็นที่สุด ยันต์เกราะเพชรจงปรากฏสว่าง นับตั้งแต่ผิวหนัง พุทธังคงหนัง ธัมมังคงเนื้อ สังฆังคงกระดูก ทั้งผิวหนังทั้งเนื้อทั้งกระดูกเรามีแต่ลายยันต์เกราะเพชรสว่าง กำลังพุทธานุภาพประสิทธิ์ประสาทเข้าถึงกระดูกของเรา ขับไล่อวิชชาคุณไสยทั้งหลายให้สลายหลุดออกไป กายจิตของเราตอนนี้สว่าง

อธิษฐานขอกระแสธรรมกระแสพระนิพพานฟอกธาตุขันธ์ ผมขนเล็บฟันหนัง กลายเป็นแก้วใสสว่าง โครงกระดูกทั่วร่างกายกลายเป็นแก้วกลายเป็นเพชรใสสว่าง อาการทั้ง 32 อวัยวะภายในทุกส่วนกลายเป็นแก้วใสสว่าง หลอดเลือดเส้นเอ็นกลายเป็นแก้วใสสว่าง เซลล์ทุกเซลล์กลายเป็นแก้วใสสว่าง เซลล์ที่ผิดปกติเนื้องอกทั้งหลายจะอยู่ในส่วนใดในร่างกายสลายตัวไปจนหมด เซลล์มะเร็งก้อนเนื้อร้ายสลายตัวไปจนหมด ธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์ สลายล้างความผิดปกติ โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายสลายตัวไปจนหมด กายเนื้อสว่าง จิตผ่องใสกายผ่องใส สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง สายบุญสายทรัพย์สายสมบัติหลั่งไหลลงมาสู่เรา มีความคล่องตัว มีความสุขมีความเจริญถึงพร้อมทั้งทางโลกทางธรรม กระแสบุญคุ้มครองดึงดูดแต่กัลยาณชนกัลยาณมิตรคนดีๆเข้ามาสู่ชีวิตของเรา คนที่มีจิตเป็นอกุศลคิดร้ายก็ขอให้เกิดมหาสะท้อน สลายตัวห่างออกไปผลักออกไปจากชีวิตของเรา ไม่ต้องข้องไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป มีแต่คนดีๆเข้ามาหา มีแต่คนที่มีบุญกุศลเนื่องกัน เข้ามาพบมาเจอมาเกื้อกูลมาสงเคราะห์

จากนั้นให้ค่อยๆหายใจเข้าช้าๆ 3 ครั้ง พุทโธ ธัมโม สังโฆ จากนั้นอธิษฐานทวนย้ำ เห็นกายของเราโครงกระดูกในกายของเรากลายเป็นเพชรสว่าง กลายเป็นเพชรแล้วก็มีแสงรัศมีเจ็ดสีกระจายออกมาจากโครงกระดูกในกายเนื้อของเรา อธิษฐานว่ากายจิตนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ ธาตุสี่ดินน้ำลมไฟในกายนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ จิตอันเป็นประภัสสรจิตอันเปี่ยมไปด้วยเมตตาอันไม่มีประมาณของข้าพเจ้านี้มีความศักดิ์สิทธิ์ จิตอันเข้าถึงไตรสรณคมน์ของข้าพเจ้านี้มีความศักดิ์สิทธิ์ จิตอันเข้าถึงมรรคผลพระนิพพานตัดสังโยชน์ของข้าพเจ้านี้มีความศักดิ์สิทธิ์ จิตที่มีศีลมีธรรมมีการให้ทานเป็นปกติของข้าพเจ้านี้มีความศักดิ์สิทธิ์ กายจิตข้าพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ด้วยแรงครูบาอาจารย์ กายจิตของข้าพเจ้านี้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยกำลังแห่งพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ กายจิตของข้าพเจ้านี้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยกำลังแห่งความกตัญญูกตเวทิตาต่อชาติ ต่อแผ่นดิน ต่อบ้านเมือง

จากนั้นเราก็ค่อยๆตั้งใจโมทนาสาธุกับเพื่อนกัลยาณมิตรที่ปฏิบัติเจริญพระกรรมฐานด้วยกันในวันนี้ 92 ท่าน จากนั้นสำหรับวันนี้ก็มีเรื่องแจ้งให้ทราบว่า ขั้นตอนต่อไปในการจัดทำผ้ายันต์เพื่อแจกทหารหาญทั้งสี่ทิศ ก็คือทั้งสี่ชายแดน ตอนนี้สถานการณ์ที่เขมรก็เข้มข้น แต่ในขณะเดียวกันวันนี้เหตุการณ์ทางภาคใต้ก็มีความรุนแรง เพิ่งเกิดการวางระเบิดในตัวเมืองปัตตานีไป 2 จุด ตอนนี้เหตุการณ์ในบ้านเมืองมันก็ยังมีความวุ่นวายอยู่ ซึ่งการจัดทำผ้ายันต์ทั้งหมดก็จะพยายามแจก ตั้งแต่กลางเดือนนี้เป็นต้นไป ซึ่งตามที่พระท่านสั่งมาให้เร่งแจก เพราะเหตุการณ์จะค่อนข้างรวบขึ้นมากระชั้นขึ้นมาความวุ่นวายจะเกิดขึ้น ก็ให้เราทุกคนรักษาตัวกันไว้ให้ดี มีบุญคอยรักษาคุ้มครอง

ส่วนเรื่องของการสร้างจัดทำพระพุทธรูปพระเจ้าองค์แสนดวงจิตพระนิพพาน ก็ยังดำเนินต่อไป ยังต้องใช้ปัจจัยในการสร้างอีกจำนวนมาก ยังอีกถึงครึ่งหนึ่ง แล้วก็อีกเรื่องที่จะแจ้งก็คือเรื่องของงานเมตตาสมาธิในวันที่ 29 มิถุนายนปลายเดือน ก็อย่าลืมที่จะไป ใครลงทะเบียนแล้วก็พยายามรักษาสิทธิ์เพราะมีหลายคนมากที่ลงทะเบียนไม่ทันแล้วก็ไม่ได้ไป แต่ถ้าใครลงทะเบียนแล้วแต่ไปไม่ได้ก็พยายามรีบแจ้งมาเพื่อจะได้ให้สิทธิ์กับคนที่เขามีความตั้งใจที่จะไปจริงๆ อยากเรียนอยากฝึกอยากปฏิบัติจริง ๆ อย่าไปขวางอย่าไปตัดทางคนอื่น

สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน สิ่งที่เราฝึกที่เราปฏิบัติก็ขอให้เราลองไปฟังเปิดฟังซ้ำลองทบทวน ถ้าหากการฝึกในเรื่องของภาคกายสายรุ้งนี้ตรงกับจริต คือมีความรู้สึกว่ากายทิพย์มันมีพลังขึ้น การกำหนดนิมิตต่างๆมันมีความชัดของปฏิภาคนิมิตแล้วก็ฉัพพรรณรังสีขึ้น ก็ขยันฝึกให้มากขึ้นต่อไป ก็ขอให้เราทุกคนมีความเจริญรุ่งเรืองในธรรม ก้าวหน้ารุ่งเรืองครบถ้วน มีโชคมีลาภมีความสุขมีความเจริญทุกคน

สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

ถอดเสียงและเรียบเรียงโดย : คุณรัตนา

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้