เสียงธรรมจากห้อง “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน”
วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2568
เรื่อง สังสารวัฏ ห้วงทะเลทุกข์
โดย อาจารย์คณานันท์ ทวีโภค
กำหนดสติในความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ผ่อนคลายร่างกายกล้ามเนื้อทุกส่วน พร้อมกับความรู้สึกปล่อยวางผัสสะ ความเชื่อมโยงความผูกพันเกี่ยวข้องในร่างกายขันธ์ห้า ผ่อนคลายเพื่อปล่อยวางร่างกายขันธ์ห้า ละภาระทั้งหลายที่เนื่องกับกายออกไปให้หมด ปล่อยวางขันธ์ห้าเพื่อแยกกายแยกจิตแยกรูปแยกนาม สงบ ปล่อยวาง กำหนดรู้ให้จิตได้เรียนรู้ว่าเมื่อเราปล่อยวางจากร่างกาย สภาวะจิตมันเกิดความเบาความสงบ ยิ่งปล่อยวางร่างกาย ยิ่งเข้าถึงความสงบ ทรงสภาวะความสงบจากการปล่อยวางขันธ์ห้า
จากนั้นกำหนด จินตภาพเห็นลมหายใจเป็นเหมือนกับแพรวไหม พลิ้วผ่านเข้าออกในกาย กำหนดดู กำหนดรู้ สติติดตามดูติดตามรู้ในลมหายใจตลอดทั้งสายตลอดทั้งกองลมนั้น รู้สึกสัมผัสถึงลมหายใจที่ละเอียดประณีต เป็นเหมือนกับกากเพชรเป็นประกายระยิบระยับ พลิ้วผ่านเข้าออกในกาย กำหนดรู้ในความสบาย ยิ่งลมหายใจละเอียด อารมณ์จิตเรายิ่งเข้าถึงความสุขความสงบความสบายของสมาธิ ลมหายใจละเอียดราบรื่นสงบ
คุมลมหายใจได้ก็คุมอารมณ์จิตได้ ยิ่งลมหายใจสบาย ยิ่งเข้าถึงเวทนา คือความสงบความสบาย
เมื่อความรู้สึกมันมีความสงบความเบาสบาย จิตก็มีความผ่องใส
เมื่อจิตมีความผ่องใส จิตก็น้อมเข้าถึงธรรม ดังคำที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ ว่าความสุขเสมอด้วยความสงบนั้นไม่มี
อานาปานสติจึงเป็นธรรมเป็นวิหารธรรม ธรรมเครื่องอยู่ของจิต ที่ช่วยแก้อาการของความวุ่นวายความวิตกกังวลความฟุ้งซ่านทั้งหลาย ซึ่งในภาษาปฏิบัติก็เรียกว่า “นิวรณ์ 5 ประการ” เมื่อดับละนิวรณ์ทั้ง 5 ประการ จิตก็เข้าสู่ความสงบในอุปจารสมาธิ น้อมใจของเรายังจดจ่ออยู่กับลมหายใจละเอียดสงบเบาสบาย ทรงสภาวะทรงฌานสมาบัติ ทรงอารมณ์พระกรรมฐานในลมหายใจที่ละเอียดเบานี้
เมื่อทรงอารมณ์แห่งความสงบเบาจนจิตมีความทรงตัว คือสามารถทรงอารมณ์ในความสงบในฌานได้อย่างราบรื่น มีเสถียรภาพมีความตั้งมั่น เราก็เดินจิตเข้าสู่สมถะที่สูงยิ่งขึ้นไป
กำหนดจากลมหายใจละเอียด เรากำหนดหยุดจิต นิ่งหยุด หยุดจิต หยุดความคิด หยุดการปรุงแต่ง หยุด จากจิตที่หยุด กำหนดน้อมนึก จินตภาพให้ปรากฏเป็นดวงแก้วใสขึ้นสว่างขึ้นมีขนาดใหญ่ขึ้น จากจุดกลายเป็นทรงกลม กลายเป็นดวงแก้วใสสว่าง กำหนดรู้ว่าภาพนิมิตที่จิตกำหนดขึ้น ดวงแก้วที่ใสสว่างก็คือกสิณ กสิณที่เรียกว่า “อุคคหนิมิต” มีลักษณะเป็นดวงแก้วใสสว่าง จากดวงแก้วใสสว่าง เราก็กำหนดเชื่อมโยงระหว่างนิมิตของกสิณกับจิต จิตคือกสิณ กสิณคือจิต จิตยิ่งใสสว่าง กสิณก็ใสสว่าง กสิณใสสว่าง จิตเราก็ผ่องใสสว่าง ทรงสภาวะเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับนิมิตของกสิณ
เมื่อกสิณจิตปรากฏขึ้น ก็กำหนดเชื่อมโยงต่อ ว่าภาพนิมิตนั้นสัมพันธ์จิตใจ สัมพันธ์ฌานสมาบัติ สัมพันธ์อารมณ์แห่งพระกรรมฐาน ยิ่งภาพนิมิตของกสิณใสสว่างมากเพียงใด จิตเราก็ยิ่งเอิบอิ่มผ่องใสเป็นสุข ยิ่งสว่างยิ่งผ่องใส จิตเรายิ่งเข้าถึงอารมณ์ที่เป็นสุข เอิบอิ่ม เมื่อดวงจิตดวงกสิณที่ผ่องใสสว่าง เป็นอุคคหนิมิต เรากำหนดต่อไปให้กลายเป็นปฏิภาคนิมิต ปฏิภาคนิมิตมีลักษณะจากดวงแก้วใสเปลี่ยนเป็นเพชรที่เจียระไนระยิบระยับทั้งลูก จิตมีความสว่างขึ้นแพรวพราวขึ้นระยิบระยับขึ้น จากจิตที่เป็นดวงแก้วใสกลายเป็นเพชรประกายพรึก รอบดวงจิตที่เป็นเพชรประกายพรึกปรากฏเกิดเป็นเส้นแสงรัศมีพุ่งออกมาเจ็ดสีโดยรอบทั้ง 360 องศา เส้นแสงนี้เรียกว่า “รัศมีของจิต”
พ้นเลยจากเส้นรัศมีของจิตที่มีขอบเขตตามกำลังของจิตแต่ละบุคคลที่ทำได้ พ้นเลยจากเส้นแสงรัศมีของจิตก็ปรากฏเป็นสภาวะบรรยากาศอันเป็นทิพย์ มีสภาวะเป็นบรรยากาศที่เหมือนกับกากเพชรพร่างพรายรายรอบ ระยิบระยับพราวพราว คลุมพ้นไปจากรัศมีของเส้นแสงของจิตนั้น ทรงสภาวะจิตที่เป็นปฏิภาคนิมิต กำหนดตัวรู้ว่านี่คือจิตอันเป็นประภัสสร จิตเปี่ยมพลังของกสิณเปี่ยมพลังแห่งความเป็นทิพย์เปี่ยมพลังแห่งอภิญญา ความรู้สึกอารมณ์พระกรรมฐานในยามที่เราทรงอารมณ์ในจิตประภัสสรนี้ก็คือจิตเราเปี่ยมพลัง เต็มไปด้วยความเอิบอิ่มผ่องใสจากภายในใจของเราอย่างยิ่ง รู้สึกถึงความเปี่ยมพลังของจิต ความเปล่งประกายความสว่างของจิตนั้นมีแหล่งพลังงานมาจากภายในจิตเอง นั่นคือเกิดขึ้นจากบุญ จากความเอิบอิ่ม จากความปิติยินดี บุญที่สะสมรวมตัวกันมานับตั้งแต่การถวายทานแล้วใจเรามีความอิ่มใจ ความอิ่มใจนี่แหละ ความสุขใจนี่แหละ ความปิติสุข จากทานก็ดี จากการรักษาศีลก็ดี จากการเจริญพระกรรมฐานก็ดี ปิติทั้ง 5 รวมตัวกันเป็นกำลังของบุญกุศล
ยิ่งปฏิบัติยิ่งรวมตัวกลายเป็นบุญกลายเป็นพลัง บุญบารมีที่ปรากฏก็รวมตัวกันมาเป็นรัศมีความสว่างความผ่องใสของจิต ทรงสภาวะจิตของเราเปล่งประกาย จิตของเราประภัสสร จิตของเราผ่องใสด้วยเหตุจากการที่จิตเราปฏิบัติมาดีแล้ว เพาะบ่มบำเพ็ญบุญบารมีทานศีลภาวนามาดีแล้ว ทรงสภาวะที่จิตเปล่งประกายผ่องใสที่สุดเต็มกำลัง และในขณะเดียวกันเราก็กำหนดพร้อมกัน ว่ารัศมีเส้นแสงของจิตที่แผ่ออกมาจากใจของเรานั้น เป็นกำลังเป็นกระแสของเมตตา ให้รัศมีของจิตเป็นคลื่นเป็นกระแสของเมตตาอันไม่มีประมาณ ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายทั่วสากลพิภพ ทั่วสากลจักรวาล ทั่วอนันตจักรวาล ทั่วสามภพภูมิ แผ่เมตตาสว่างจิตประภัสสร ทรงสภาวะที่จิตผ่องใสสว่างประภัสสรสูงสุด พร้อมกับมีกระแสแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณ กำหนดตัวรู้ว่าจิตของเราทรงสภาวะทรงความผ่องใสเต็มกำลัง ทรงสภาวะไว้ให้ผ่องใสที่สุดสว่างที่สุดประภัสสรที่สุด บุญบารมีรวมตัวปรากฏในยามที่จิตของเราผ่องใสที่สุด เรากำลังรวมบุญรวมกุศลรวมบารมี ใครก็ตามที่อาจจะมีวิบากมีอกุศลกรรมเข้า ในยามที่อกุศลกรรมเข้า จิตมันก็จะมีความเศร้าหมอง ยิ่งจิตเศร้าหมองมากเท่าไร วิบากกรรมก็ดี เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายก็ดี ก็สามารถแทรกสามารถมากระทำให้เกิดผลได้ง่าย แต่เมื่อไรก็ตามที่จิตของเราทรงอารมณ์ทรงสภาวะมีความผ่องใสสูงสุด มีกระแสรัศมีจิตจากเมตตาอันไม่มีประมาณ กำลังบุญกำลังกุศลก็เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตคอยหล่อเลี้ยงบุญก็เพิ่มพูนขึ้นสูงขึ้น วิบากอกุศลกรรมก็ไม่อาจกระทำไม่อาจแทรกไม่อาจเข้ามาได้
ดังนั้นกรรมฐานจะช่วยแก้กรรมจะช่วยบรรเทาการสอดแทรกของอกุศล ก็ได้มาจากการที่เราเจริญพระกรรมฐาน อย่าลืมว่าทานนั้นมีผลแห่งบุญ แต่หากเทียบกันแล้ว ทานมีอานิสงส์อุปมาเหมือนกับเพียงแค่ไม้จิ้มฟัน แต่บุญพระกรรมฐานนั้นอุปมาเหมือนกับท่อนซุงขนาดใหญ่ ยิ่งกำลังฌานสมาบัติสูง ยิ่งกำลังใจในการเจริญพระกรรมฐานสูง คือไม่ใช่แค่สงบ แต่กำลังจิตของเราแผ่เมตตาออกไปทั้งสามภพภูมิอย่างไม่มีประมาณ ดังนั้นกำลังของบุญก็ยิ่งกว่าเสาที่เป็นไม้ที่เป็นซุง แต่แข็งแรงอย่างยิ่ง ช่วยค้ำช่วยบรรเทาเบาบางช่วยป้องกันชีวิตจากกระแสของวิบากอกุศลได้ ดังนั้นหากจะให้ชีวิตดีขึ้นเราก็มาเจริญพระกรรมฐาน กำหนดน้อมให้บุญนั้นหนุนนำ รวมทั้งในยามที่เราเจริญพระกรรมฐาน กระแสจิตไม่ว่าเราทรงอารมณ์อย่างไร ก็มีกำลังของแรงดึงดูด มีคลื่นความถี่ของกุศล มีคลื่นความถี่ของกำลังบุญที่ปรากฏ ยามที่เราเจริญพระกรรมฐาน กำลังจิตของเราเป็นฌานสมาบัติก็มีเทวดาพรหมท่านมาคุ้มครองรักษาเพื่อที่ท่านตั้งใจว่ามารักษาและจะได้มาโมทนาบุญของสาธุชนบุคคลคนนี้ เมื่อจิตของเรามีกำลังฌานสูง มีกำลังเมตตาอันไม่มีประมาณ เป็นกระแสกำลังจิตกำลังใจในคลื่นความถี่เดียวกับพระโพธิสัตว์ เทพพรหมที่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ไม่ว่าท่านจะอยู่ชั้นพรหมก็ดี หรือท่านอยู่ในชั้นของพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ท่านก็มาดูแลรักษาคุ้มครองเรา แล้วเมื่อไรที่กระแสจิตการเจริญสมาธิการเจริญสมาบัติเรา ทรงอารมณ์จิตตัดกิเลสระงับกิเลส มีอารมณ์ความบริสุทธิ์ของจิต จากการตัดร่างกายขันธ์ห้า ตัดสังโยชน์สิบ ตัดภพจบชาติ กระแสของเทวดาพรหมที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าก็มาคุ้มครองรักษา รวมกระทั่งถึงกระแสของพระพุทธองค์ กระแสของพระปัจเจกพุทธเจ้าของพระสุปฏิปันโน กระแสของท่านที่เข้าถึงอรหัตผลแล้ว ท่านก็มาคุ้มครองรักษา คลื่นความถี่ของจิตอยู่ในย่านใด ท่านทั้งหลายที่ท่านอยู่ ณ จุดนั้นก็ย่อมมาคุ้มครองรักษาจิตของผู้ประพฤติธรรมปฏิบัติธรรม ซึ่งก็จะตรงกันข้ามกับกระแสบุคคลที่เต็มไปด้วยความโลภโกรธหลง ยิ่งโลภมากมีจิตคิดเบียดเบียนมาก โลภโมโทสันจัดก็มีกระแสจิตของเปรตอสุรกายมาลง ยิ่งคิดชั่วประพฤติชั่วมากเท่าไร ก็มีแต่ดวงจิตของสัมภเวสีเปรตอสุรกายมาลงมากขึ้นเท่านั้น ที่เราเห็นว่าบุคคลทั้งหลายนั้นยังมีความร่ำรวยมีความสุขมีความสบาย แต่ภายในใจนั้นก็มีความเร่าร้อนอยู่ ความสุขที่ปรากฏขึ้นทางโลกเป็นเพราะยังเป็นบุญเก่ายังกินบุญเก่ากินของเก่าอยู่ แต่เมื่อไรบุคคลทั้งหลายที่ประพฤติชั่ว โลภโมโทสันคิดเบียดเบียนคิดร้ายต่อส่วนรวม ต่อชาติต่อสถาบันต่อคนที่เป็นผู้มีพระคุณของตน เมื่อหมดบุญหมดของเก่า วิบากเข้า คราวนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นเป็นสมบัติทางโลก ก็จะสลายตัวลง มีแต่บาปเคราะห์เข้ามา พระเคราะห์เข้าพระเสาร์แทรก
ดังนั้นเราทั้งหลายก็กำหนดตัวรู้ไว้ กระแสจิตเช่นไรก็มีคลื่นของท่านทั้งหลายเหล่านั้นเข้ามา จิตเป็นกุศลก็ย่อมมีเทพพรหมเทวาที่มีจิตกุศลมาคอยดูแลคุ้มครองรักษา เมื่อกำหนดรู้แล้วก็กำหนดจิตเปล่งประกายแสงสว่างทรงสภาวะจิตให้เป็นประภัสสรสว่างที่สุด รัศมีจิตเป็นกระแสเมตตาแผ่สว่างที่สุดผ่องใสที่สุด
เมื่อกำหนดรู้แล้วก็อธิษฐานจิต ขอความเป็นทิพย์ ญาณเครื่องรู้ทัศนะ ปัจจุบันสนังสญาณจงปรากฏ ขอให้เห็นว่าในขณะที่เราเจริญพระกรรมฐานในขณะนี้ มีเทพพรหมเทวาทั้งหลายมาปรากฏลอยอยู่เหนือศีรษะ คอยดูแลรักษาคุ้มครองและโมทนาบุญกับเรามากน้อยเพียงใด ก็ขอให้ปรากฏรู้ด้วยญาณเครื่องรู้อันเป็นทิพย์ด้วยเถิด เปล่งประกายผ่องใส จิตสว่างเป็นเพชรประกายพรึก กระแสคลื่นที่แผ่ออกไปรัศมีจิตที่แผ่ออกไปเป็นกระแสแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณ จิตเป็นกุศลถวายเป็นพุทธบูชา
จากนั้นน้อมขอแผ่ขออุทิศให้กับเทพพรหมเทวาทุกท่านทุกๆพระองค์ที่ท่านเสด็จมาโมทนาสาธุกับข้าพเจ้า ในการเจริญพระกรรมฐาน ในบุญทานศีลภาวนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้เป็นเทศกาลแห่งกาลกฐิน บุญแห่งมหากฐินที่ข้าพเจ้าร่วมที่ข้าพเจ้าได้กระทำบำเพ็ญไว้ ขอเทพพรหมเทวาทั้งหลายโมทนาสาธุกับข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเถิด และขอให้ท่านเปล่งวาจาอันเป็นทิพย์ โมทนาสาธุการต่อข้าพเจ้าทั้งหลายให้กึกก้องทั่วสามภพภูมิด้วยเทอญ
จากนั้นก็ให้เรากำหนดจิต เดินจิตต่อไปสู่กำลังขอมโนมยิทธิ กำหนดน้อมจิตรำลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าด้วยความนอบน้อมด้วยความเคารพอย่างถึงที่สุด ทรงสภาวะ ขอภาพพุทธนิมิตของพระพุทธองค์ พรั่งพร้อมด้วยกระแสแห่งพุทธานุภาพ พรั่งพร้อมด้วยฉัพพรรณรังสีทั้งเจ็ดประการ พรั่งพร้อมด้วยกระแสแห่งธรรมอันวิมุตติหมดจด ขอพระพุทธองค์ทรงปรากฏอยู่เบื้องหน้าของข้าพระพุทธเจ้าและยกจิตอทิสมานกายของข้าพเจ้าขึ้นไปปรากฏบนพระนิพพาน ท่ามกลางมหาสมาคมมีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธานพร้อมด้วยพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอรหันต์ขีณาสพทุกๆพระองค์บนพระนิพพานด้วยเถิด
กำหนดสภาวะให้กายของเราปรากฏเป็นกายพระวิสุทธิเทพ มีเครื่องทรงเครื่องประดับชัดเจนผ่องใสสว่าง นั่งประนมมือคุกเข่ากระโย่งบรรจงกราบลงเบื้องหน้าสมเด็จองค์ปฐม กำหนดน้อมจิตมั่นหมายด้วยใจว่าเรากราบพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ลงพร้อมกัน น้อมจิตกราบด้วยความเคารพ เมื่อกราบครบสามครั้งแล้ว ก็ทรงสภาวะกำหนดรู้ในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพ พิจารณาตัดขันธ์ห้าร่างกายเนื้อของความเป็นมนุษย์ซ้ำอีกครั้ง โดยพิจารณาว่า เราคือกายทิพย์กายพระวิสุทธิเทพปรากฏอยู่บนพระนิพพาน เราไม่ใช่ขันธ์ห้าร่างกายเนื้อ ร่างกายเนื้อขันธ์ห้าไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงธาตุทั้งสี่ที่มาประชุมรวมตัว และจิตเราเข้ามาอาศัยใช้ชีวิตอยู่ในชาติภพแห่งความเป็นมนุษย์ มีสมมุตินามชื่อนี้ มีสมบัติชั่วคราวที่ยืมโลกมาใช้เช่นนี้เช่นนั้น มีหัวโขนที่ใส่เป็นตำแหน่งหน้าที่การงานเช่นนี้ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นสมมุติ เราคือจิตที่เนื่องมาจากบุญกุศล อทิสมานกายกายพระวิสุทธิเทพที่ปรากฏขึ้น ณ ขณะนี้ก็เกิดขึ้นด้วยกำลังของบุญ ทาน ศีล ภาวนา รวมถึงบารมีทั้ง 30 ทัศที่พร้อมแล้วเต็มแล้ว จากการเจริญพระกรรมฐาน จากการตัดสรรพกิเลส จากการตัดสังโยชน์ทั้งสิบ กายพระวิสุทธิเทพจึงปรากฏขึ้นมาได้
อธิษฐานจิตพิจารณาตัดร่างกายขันธ์ห้ากายเนื้อ กายเนื้อไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เรามีเป้าหมายชัดเจนเต็มที่ พ้นจากการมีชีวิตมีกายเนื้อในร่างกายขันธ์ห้าเมื่อไร เราตายลงเมื่อไร เรายกจิต เราตัดสรรพกิเลสตัดภพจบชาติ ไม่เอาภพชาติอื่นใด ไม่สนใจความเป็นเทวดา ไม่สนใจความเป็นพรหม ไม่สนใจการกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกต่อไป ขึ้นชื่อว่าการเกิดจะไม่ปรากฎกับข้าพเจ้าอีก ชาติภพนี้จะเป็นชาติภพสุดท้ายของข้าพเจ้า ที่สุดของชีวิตการเป็นมนุษย์ชาตินี้ของข้าพเจ้าก็คือพระนิพพานเป็นที่ไป
กำหนดอธิษฐานให้เห็นกายพระวิสุทธิเทพเปล่งประกายสว่างขึ้น เครื่องประดับ กำไลธารพระกร พระธำมรงค์แหวน เครื่องทรง อุบะที่กลางหน้าอก มงกุฎที่สวมใส่ ปรากฏเปล่งประกายความสว่าง ผิวกายที่เป็นแก้วใสสว่างขึ้นอย่างยิ่ง ทรงสภาวะความเป็นกายพระวิสุทธิเทพที่เปล่งประกายสว่างที่สุด จากการที่เราตัดสรรพกิเลส ตัดภพจบชาติด้วยอารมณ์จิตที่จริงใจตั้งมั่นอย่างที่สุด ทรงสภาวะความเป็นกายพระวิสุทธิเทพที่เปล่งประกายสว่างนั้น ตั้งจิตว่าเราทรงอารมณ์นี้ถวายเป็นพุทธบูชากับทุกท่านบนพระนิพพาน ขอทุกท่านเมตตาโมทนาสาธุการ สาธุ สาธุ สาธุ เป็นกำลังใจในการปฏิบัติให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
ทรงสภาวะที่กายพระวิสุทธิเทพเปล่งประกายที่สุดไว้ เมื่ออารมณ์เราผ่องใสที่สุด เราย้อนพิจารณาดูจิตบนพระนิพพานนี้ เรารักพระพุทธเจ้าไหม เรารักหลวงพ่อ เราเคารพรักนอบน้อมต่อท่านไหม เราเห็นคุณแห่งพระนิพพานไหม เรารักพระนิพพานไหม อารมณ์ที่กล่าวถึงก็คือธรรมะฉันทะในพระนิพพาน ความแนบความนอบน้อมในไตรสรณคมน์ อารมณ์จิตของคนเรามีความรักมีความพึงพอใจในสิ่งใด กระแสจิตก็จะดึงดูด เรารักในพระนิพพาน จิตเราก็จะปรารถนาที่จะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน เรามีธรรมะฉันทะในพระนิพพานมากเพียงใด เราก็จะสามารถยกจิตขึ้นมาบนพระนิพพานได้บ่อยได้ง่ายเพียงนั้น ไม่ต้องใช้ความเพียรไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ดังนั้นธรรมะฉันทะนั้นมีความสำคัญ ถ้าเราวางอารมณ์ใจของเรา รักเคารพในหลวงพ่อ รักเคารพในพระพุทธเจ้า รักเคารพพึงพอใจในพระนิพพาน จิตเราก็สามารถเชื่อมโยง จิตเราก็สามารถเข้าถึงสภาวะเข้าถึงพระนิพพานได้ง่ายกว่าบุคคลที่เขายังมีความหยาบ ยังไม่ได้เคารพ ยังไม่ได้รัก ยังไม่ได้รู้คุณ ยังไม่ได้มีอารมณ์แนบอยู่กับพระนิพพาน ไม่ได้มีความเคารพนอบน้อมต่อพระพุทธเจ้าต่อครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าพระอรหันต์
ดังนั้นอารมณ์พระกรรมฐานยิ่งละเอียดประณีตยิ่งลึกซึ้งมากเท่าไร เราจะพิจารณาจนเกิดปัญญามองเห็น เข้าใจอย่างลึกซึ้งได้ ว่าทำไมพระพุทธองค์พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทุกๆพระองค์ที่ผ่านมา ท่านจึงสอนเวไนยสัตว์ให้ตัดความรักโลภโกรธหลงทั้งปวง รื้อขนสรรพสัตว์เข้าสู่พระนิพพาน ความทุกข์เกิดขึ้นจากชาติชรามรณะ จากการเวียนว่ายตายเกิด ความทุกข์ของดวงจิตทั้งหลายของสังสารวัฏทั้งหลายเกิดขึ้นจากการอาฆาตเบียดเบียนจองเวรดึงดูดให้มาพบมาเจอ มาทำร้ายมาทำลายมาทำให้เจ็บช้ำน้ำใจต่อกัน มาเบียดเบียนบีฑาต่อกัน มาเอารัดเอาเปรียบต่อกัน ความทุกข์ของดวงจิตทั้งหลายในสังสารวัฏมาจากความรัก เมื่อรักแล้วความรักไม่สมหวังก็เกิดเป็นความทุกข์ เมื่อความรักสมหวังแต่ในที่สุดก็พลัดพรากจากคนรักจากของรักของเจริญใจ คนที่รักตายจากบ้าง ไม่ว่าจะจากเป็นก็ดีจากตายก็ดี ความทุกข์ระทมก็ปรากฏขึ้นไปอีก
พิจารณาต่อไปว่าความทุกข์ของดวงจิตทั้งหลายในสังสารวัฏ เกิดขึ้นจากความพยาบาทเบียดเบียน ความแค้นความพยาบาทที่รุนแรงทำให้เกิดความคิดเกิดจิตที่อาฆาตแค้นจองเวร กลายเป็นจิตที่เป็นปีศาจอาฆาตแค้น เมื่อจิตเป็นปีศาจอาฆาตแค้นก็เกิดรูปลักษณ์ของภพที่มีความน่ากลัวมีความน่าเกลียดน่ากลัว อันนี้ก็เป็นความทุกข์ของผู้ที่อาฆาตแค้นผู้ที่อาจพยาบาทเอง ความทุกข์ของจิตทั้งหลายในสังสารวัฏเกิดขึ้นจากความโลภโมโทสัน จากความอยากความโลภอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความโลภความละโมบความอยากไม่มีที่สิ้นสุด กอบโกยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จิตก็แปรสภาพแปลงสภาวะเป็นเปรตเป็นอสุรกาย อยากกินจนถึงที่สุดแต่ปากเท่ารูเข็ม มีรูปมีลักษณ์ที่สูงยาวผอม มีแต่ซี่โครงมีแต่กลิ่นสาบสาง ทุกข์ต่างๆเหล่านี้ก็เกิดขึ้นจากอารมณ์ของความโลภโกรธหลง ปรุงแต่งให้เกิดภพเกิดชาติเกิดการกำเนิดของจิต ให้ไปจุติยังภพนั้นภูมินั้น ตามกระแสจิตตามกระแสกรรมของตน ส่วนบุคคลที่เป็นกุศลมีบุญ ทำแต่ทาน มีการให้ มีความเอื้อเฟื้อ มีมนุษยธรรมเป็นปกติ มีหิริโอตัปปะความเกรงกลัวความละอายต่อบาป ถึงเวลาจิตอันผ่องใส จิตที่มีการทำทาน บุญกุศลก็ปรุงแต่งให้ไปจุติอยู่ในภพของการเป็นเทวดา เจริญพระกรรมฐานแผ่เมตตาก็นำพาให้จิตไปยังสภาวะแห่งความเป็นพรหม
สำหรับบุคคลที่ตั้งจิตสร้างกุศลเพาะบ่มบารมีเพื่อปรารถนาซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ก็ไปจุติยังสวรรค์ชั้นดุสิตบ้างชั้นพรหมบ้าง เรากำหนดรู้ให้เห็นในการเกิด เหตุแห่งการเกิด เหตุแห่งความทุกข์ เหตุแห่งการเวียนว่ายในสังสารวัฏ เราพิจารณาจากจุดที่พ้นจากสังสารวัฏก็คือบนพระนิพพาน เราอยู่ในจุดที่เรียกว่าเป็นโลกอุดร
คำว่า “โลกอุดร” นั้น แปลว่า เหนือโลก เนื้อโลกเหนือสังสารวัฏ มุมมองที่เรามองจากบนพระนิพพาน เราก็จะสามารถพิจารณามองเห็นความทุกข์ โทษภัยในสังสารวัฏได้ชัดเจนกว่าในยามที่เรายังคลุกคลีอยู่ในกระแสของความรักโลภโกรธหลงในสังสารวัฏนั้น อุปมาเหมือนกับบุคคลที่ยังจมอยู่ในน้ำ แหวกว่ายอยู่ในน้ำ แหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทร ไม่สามารถมองข้ามออกไปเห็นในระยะไกล ต่างกับบุคคลที่อยู่ในที่สูงกว่า บุคคลที่อยู่ในที่สูงกว่าก็มองเห็นรายรอบ เห็นการแหวกว่าย คนนี้ใกล้ถึงฝั่ง คนนี้ยังว่ายอยู่ห่างไกล คนนี้กำลังจะจมน้ำ คนนี้ยังมีบุญเป็นเหมือนกับแพเป็นเหมือนกับท่อนไม้ หรือเป็นแบบเหมือนกับเรือ บุญมากก็เหมือนกับมีเรือสำเภา อยู่บนเรือก็คือมีบุญประคับประคองสนับสนุนไม่ลำบาก เกาะขอนไม้ก็พอรอดตัวบ้างแต่มีความลำบากอย่างหนัก บางคนก็ไม่มีอะไรเกาะยึดเหนี่ยวก็คือไม่มีบุญไม่มีกุศล ดำผลุดโผล่อยู่ในมหาสมุทรแห่งสังสารวัฏนี้
ให้เราพิจารณาว่าเมื่อเราเห็น เห็นโลกเห็นธรรมแห่งสังสารวัฏเช่นนี้แล้ว เราจะกระโดดกลับลงไปในมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยความทุกข์ไหม พิจารณาให้เห็นชัดเจนกับใจของเราเองแต่ละบุคคล เป็นเรื่องที่เราตัดสินใจ เราจะกระโดดลงไปในมหาสมุทรอีกไหม ในมหาสมุทรแห่งสังสารวัฏ มันไม่ใช่แค่เป็นผืนน้ำราบเรียบ มันมีคลื่นมีพายุ มีปลาร้ายก็คือเจ้ากรรมนายเวร มีปลาฉลามที่คอยกัดกิน มีภยันอันตรายมากมายอยู่ในสังสารวัฏ ไม่ว่าจะเป็นกรรมเก่าก็ดี ไม่ว่าจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายก็ดี ที่อยู่ใต้ก้นมหาสมุทรที่เราไม่อาจรู้ได้ว่าถึงเวลาที่เราอยู่ในน้ำ อยู่ๆมันจะมีปลาฉลามตัวใหญ่ขึ้นมากระโดดงับเรา อันนี้ก็คือกรรมที่เราไม่รู้ว่าจะส่งผลเมื่อไร ให้เราพิจารณาให้เห็น ตอนนี้เราลอยอยู่เหนือโลก ประมาณเหมือนกับเราอยู่บนเฮลิคอปเตอร์เหนือจากมหาสมุทร ปลอดภัย แต่เราจะกระโดดกลับลงไปไหม ก็คือจะไม่เอานิพพานแล้วกลับลงไปเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏต่อไป ให้เราพิจารณาดูทะเลแห่งสังสารวัฏ เราจะไม่กลับลงไปแล้ว ขึ้นชื่อว่าการเกิดเราจะไม่เอาอีกแล้ว ชาตินี้เป็นชาติภพสุดท้ายของเรา ปัญญา จิต กายพระวิสุทธิเทพของเราเห็น รู้แจ้งในทะเลแห่งสังสารวัฏนี้ เห็นชัดเพื่อออกจากทะเลแห่งสังสารวัฏ พ้นจากสมมติเพื่อเข้าสู่วิมุตติ พ้นจากความทุกข์เพื่อเข้าถึงปรมัตถ์สุข
เมื่ออธิษฐานจิตแล้วก็ให้เราประนมมืออธิษฐานตรงต่อสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน อธิษฐานเปล่งวาจาบนพระนิพพานว่า “ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของข้าพเจ้า ชาติภพทั้งหลายจบสิ้น จิตข้าพเจ้าเมื่อตายจากชาตินี้ขอมีพระนิพพานเป็นที่ไป มีพระนิพพานเป็นที่สุดเพียงจุดเดียว ขอสัจอธิษฐานั้น ขอท่านทั้งหลายได้โมทนาสาธุ หากข้าพเจ้าประมาทพลาดพลั้งคลาดเคลื่อนจากกระแสมรรคผล ขอทุกท่านทุกๆพระองค์เมตตาสงเคราะห์ดลจิตดลใจ ชักจูง สงเคราะห์ให้ข้าพเจ้ากลับทางเข้ามาสู่เส้นทางแห่งมรรคผลพระนิพพานด้วยเถิด หากอารมณ์จิตของข้าพเจ้ามีความจืดจางลงจากการปฏิบัติธรรม มีอารมณ์ที่จืดจางลงจากธรรมะฉันทะในพระนิพพาน ก็ขอให้ท่านทุกท่านทุกๆพระองค์เมตตาสงเคราะห์ดลจิตดลใจ ให้ข้าพเจ้ากลับเข้าทาง ขอให้ปรากฏกัลยาณมิตรคอยเตือนสติ ขอให้ครูบาอาจารย์ผู้เป็นสัมมาทิฐิชอบ เมตตาตักเตือน เตือนจิตเตือนใจข้าพเจ้าด้วยเถิด”
จากนั้นทรงสภาวะในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพเปล่งประกายให้สว่างที่สุด ทรงสภาวะพิจารณาตัดภพจบชาติ ภพทั้งหลายเราไม่เอาแล้ว การเกิดทั้งหลายไม่ว่าเกิดเป็นอะไรเราไม่เกิดอีกแล้ว จิตเราปรารถนาอยู่กับพระนิพพานจุดเดียว ให้เรายกจิตให้เราปฏิบัติเช่นนี้ ร้อยครั้งพันครั้งหนึ่งครั้งแสนครั้งเพื่อพระนิพพานเราก็ยินดี
จากนั้นก็ให้เราตั้งจิต เมื่อเราทรงอารมณ์บนพระนิพพานดีแล้ว เราก็ยังประโยชน์ต่อโลก ถือว่าเป็นการทำเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาและเกื้อกูลโลกใบนี้ น้อมอาราธนากระแสบุญศักดิ์สิทธิ์จากพระนิพพาน กุศลทั้งหลายของทุกท่านทุกๆพระองค์ ทานศีลภาวนาบารมีทั้ง 30 ทัศ เป็นกระแสแห่งเมตตาเป็นกระแสบุญจากพระนิพพานแผ่ลงมายังภพภูมิของอรูปพรหมทั้ง 4 แผ่เมตตาลงมายังพรหมโลกทั้ง 16 ชั้น แผ่เมตตาลงมายังสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น แผ่เมตตาลงมายังภพของรุกขเทวดาทั่วอนันตจักรวาล แผ่เมตตาลงมายังภพของภุมเทวาทั่วทุกดวงดาวทั่วโลกทั่วอนันตจักรวาล แผ่เมตตาลงมายังภพภูมิที่เป็นภพกลางคือภพที่มีขันธ์ห้ากายหยาบ อันเป็นภพของมนุษย์และสัตว์เดรฉานที่มีรูปกายขันธ์ห้ากายหยาบทั้งหลายทั่วอนันตจักรวาล แผ่เมตตาต่อไปยังภพที่เนื่องอยู่กับโลกแต่เป็นกายทิพย์คือภพของโอปปาติกะสัมภเวสีทั้งหลาย ชาวเมืองบังบดลับแลทั้งหลาย มิติที่ทับซ้อนทั้งหลาย ภพที่ทับซ้อนกันทั้งหลาย แผ่เมตตาต่อไปยังภพของเปรตอสุรกาย แผ่เมตตาต่อไปยังภพที่เป็นทุคติคือนรกภูมิทุกขุมไปจนถึงที่สุดคือโลกันตนรก
จากนั้นน้อมจิตอาราธนากระแสพระพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิเปิดโลก เมตตาเปิด 3 ไตรภูมิ แผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ทั้ง 3 ภพภูมิด้วยเถิด ขอท่านทั้งหลายที่ประสบความทุกข์ก็ขอให้พ้นจากความทุกข์เข้าถึงความสุข เข้าถึงบุญกุศล เข้าถึงธรรม เข้าถึงสัมมาทิฐิ ท่านที่สุขอยู่แล้วเสวยความสุขอยู่แล้วก็ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป
จากนั้นอาราธนาบารมีน้อมกระแสจากพระนิพพาน แผ่เมตตาลงมาคุ้มครองรักษาโลกใบนี้ ขอจงเกิดสันติสุขสันติภาพร่มเย็น ขอจงเกิดความสงบเกิดความอุดมสมบูรณ์เข้าสู่ยุคชาววิไล อาราธนากระแสบุญจากพระนิพพานลงมาคุ้มครองประเทศไทย ขอพ้นจากวิกฤต ขอพ้นจากภัยทั้งปวง ขอพ้นจากศึกศัตรูทั้งภายนอกและอริราชศัตรูภายในแผ่นดิน อธิษฐานอาราธนาขอยันต์พิชัยสงครามจากบนพระนิพพานจากพระพุทธองค์ลงมาประทับ กลางแผนที่กลางผืนแผ่นดินประเทศไทยทั้งหมด ขอกำลังกุศลกำลังพุทธานุภาพมหาสะท้อนย้อนกลับ บุคคลที่คิดร้ายต่อชาติบ้านเมืองแผ่นดินนี้ ไม่ว่าจะเป็นต่างชาติหรือคนที่อาศัยอยู่ในชาติแต่อกตัญญูเนรคุณต่อแผ่นดิน ก็ขอให้ปรากฏตามกฎของกรรมตามผลแห่งกรรม
จากนั้นน้อมกระแสพุทธานุภาพอาราธนาจากบนพระนิพพาน ลงมาคุ้มครองคลุมรักษาเขตแห่งพระพุทธศาสนา คือ วัดวาอารามสถานปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลก พระพุทธรูปทุกๆพระองค์ พระเจดีย์ พระมหาธาตุเจดีย์ทุกๆพระองค์ พระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐิธาตุ พระอรหันตธาตุ ขอจงปรากฏกำลังแห่งพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ปรากฏความศักดิ์สิทธิ์ ขอกระแสธรรม กระแสสัมมาทิฐิ กระแสมรรคผลพระนิพพาน ขอกระแสธรรมจงกลายเป็นดอกมะลิแก้วหลั่งไหลลงสู่ดวงจิตของพุทธศาสนิกชนทั้ง 4 พุทธบริษัททั้ง 4 ด้วยเถิด
สัมมาทิฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติ มรรคมีองค์ 8 ธรรมทั้งหลายจงหลั่งไหลรวมลงสู่ดวงจิตของพุทธบริษัทสี่ ขอจงช่วยกันยังความบริสุทธิ์ให้กับพระพุทธศาสนา ขอจงยังความวิมุตติหมดจด ขอจงเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า ไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือท่านที่เป็นบรรพชิตก็ดี น้อมกระแสบุญกุศลลงมาในเขตพระพุทธศาสนาให้ปรากฏความบริสุทธิ์อีกครั้ง
จากนั้นอธิษฐานขอกระแสบุญจากพระนิพพาน ลงมาคุ้มครองรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้มีแต่เพียงพระโพธิสัตว์ผู้ทรงบารมี อยู่ในสถานะแห่งสมมติเทพที่สามารถปกปักรักษาคุ้มครองชาติและพระพุทธศาสนาผืนแผ่นดินนี้เป็นพุทธบูชาไว้ได้ ขอกระแสบุญกุศลคุ้มครองรักษาเพิ่มกำลังบุญให้กับพระสยามเทวาธิราชทุกๆพระองค์ เทพพรหมเทวาที่คุ้มครองพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรพระราชบัลลังก์ พระตำหนัก พระบรมมหาราชวัง ขอกำลังบุญคุ้มครองส่งผลเพิ่มบุญบารมีกำลังบุญฤทธิ์ เทพฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ให้กับดวงพระวิญญาณของบูรพมหากษัตราธิราชเจ้าทุกๆพระองค์ ให้มีกำลังบุญคุ้มครองชาติบ้านเมือง กระแสบุญน้อมถึงดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ วีรชน ทหารกล้าทั้งหลายในทุกศึกสงคราม ขอจงมีกำลังบุญกุศล ขอจงมีกำลังบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ เทพฤทธิ์ ขอกำลังบุญส่งผลให้กับพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าพ่อหอกลอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลพิภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกท่านทุกๆพระองค์ที่ปกปักรักษาคุ้มครองชาติบ้านเมือง ให้แผ่นดินไทยนี้ปรากฏความศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏความอัศจรรย์ เกิดกำลังมหาสะท้อนต่อผู้ที่มีจิตคิดคดกบฏคิดร้ายต่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ขอกำลังบุญฤทธิ์เทพฤทธิ์อิทธิฤทธิ์ จงปรากฏเพิ่มพูนขึ้นยิ่งขึ้นสูงขึ้นสว่างขึ้นกับเทวดาพรหมทุกท่านทุกพระองค์ที่มีจิตพิทักษ์รักษาคุ้มครองด้วยเถิด
เมื่อเราตั้งจิตในปฏิปทาสาธารณประโยชน์ น้อมกำลังบุญกำลังกุศลจากการเจริญพระกรรมฐานให้เกิดต่อชาติบ้านเมืองและโลกใบนี้ ต่อสรรพสัตว์ทั้งสังสารวัฏจากการแผ่เมตตาแล้ว เราก็ตั้งใจว่า ด้วยกุศลความดีที่ข้าพเจ้ากระทำ ด้วยความเพียรสม่ำเสมอ ขอเทพพรหมเทวดาผู้เป็นสัมมาทิฐิ เทพพรหมเทวดาผู้มีจิตรักษาชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ขอเทพพรหมเทวดาผู้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าพระอริยสงฆ์ ขอเทพพรหมเทวาโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่เข้าถึงความเป็นพระวิสุทธิเทพบนพระนิพพาน ปกปักรักษาคุ้มครองข้าพเจ้าเต็มกำลัง หากข้าพเจ้าตายอาจพลาดพลั้ง ลืมที่จะอาราธนา ลืมที่จะกล่าวบอกกล่าว ลืมที่จะขอท่าน มีเหตุอันใดที่เป็นเหตุฉุกเฉินขัดข้องมีวิบากสิ่งใด ก็ขอให้ท่านเมตตาสงเคราะห์ช่วยข้าพเจ้าทันทีฉับพลันเต็มกำลังด้วยเถิด สิ่งใดที่เป็นวิบากเป็นบาปเคราะห์ที่เข้ามา ขอให้ท่านช่วยบรรเทาเบาบาง คุ้มครอง ที่สลายตัวได้จงสลายตัวไปให้หมด ที่พอบรรเทาเบาบางได้ก็ขอให้จงบรรเทา ที่เปลี่ยนจากร้ายก็ขอให้กลายเป็นดี ขอให้การมีชีวิตดำรงตนขันธ์ห้าบนโลกใบนี้ของข้าพเจ้า มีความเบามีความสบายมีความคล่องตัวทุกอย่างทุกประการ ด้วยกำลังแห่งบุญกุศล ด้วยกำลังแห่งเทพพรหมเทวาที่ท่านเมตตาเกื้อกูลสงเคราะห์ด้วยเถิด
จากนั้นให้เรากำหนดจิต กราบลาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน ในขณะที่กราบพยายามฝึกที่จะทรงอารมณ์ให้กายพระวิสุทธิเทพของเราสว่างผ่องใสที่สุด กราบลาขึ้นมาก็พยายามทรงอารมณ์ให้กายพระวิสุทธิเทพของเราสว่างผ่องใสที่สุดทุกครั้ง เมื่อกราบลาลงแล้วก็น้อมจิตพุ่งจิตกลับลงมายังโลกมนุษย์เป็นแสงสว่างคลุมลงมาที่กายเนื้อ อธิษฐานจิตอาราธนาบุญจากพระนิพพานลงมาคุ้มครองกายเนื้อเรา เป็นลำแสงสว่าง อธิษฐานธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์ ผมขนเล็บฟันหนังจงกลายเป็นแก้วใส โครงกระดูกจงกลายเป็นแก้วใส หลอดเลือดเส้นเอ็นทั่วร่างกายจงเป็นแก้วใส เซลล์ทุกเซลล์อวัยวะทุกส่วนอาการ 32 จงกลายเป็นแก้วใส ธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์สลายล้างเซลล์ที่ผิดปกติ เซลล์มะเร็งทั้งหลายเซลล์เนื้องอกทั้งหลายจงสลายตัวไป อนุมูลอิสระทั่วร่างกายจงสลายตัวไป ความผิดปกติเชื้อโรคเชื้อแบคทีเรียเชื้อไวรัสเซลล์ที่ผิดปกติทั้งหลายจงสลายตัวไปให้หมด น้อมกระแสบุญจากพระนิพพานลงมาหล่อเลี้ยงร่างกายขันธ์ห้า ขอร่างกายขันธ์ห้าจงมีกำลังบุญกุศลหล่อเลี้ยง กำลังบุญหล่อเลี้ยงเซลล์ทุกเซลล์ พลังชีวิตหล่อเลี้ยงเซลล์ทุกเซลล์ กายขันธ์ห้าหล่อเลี้ยงด้วยบุญกุศล หล่อเลี้ยงด้วยฌานสมาบัติ หล่อเลี้ยงด้วยกำลังแห่งบุญ หล่อเลี้ยงด้วยกำลังแห่งปิติ ร่างกายขันธ์ห้าธาตุทั้งสี่จงเปล่งประกายพรึก ร่างกายขันธ์ห้าธาตุสี่จงแข็งแรงผ่องใส
กำหนดน้อมจิตให้บุญจากการเจริญพระกรรมฐานเปล่งประกายออกมา ปรากฏเป็นรัศมีกายแห่งผู้มีบุญ ขอราศีบุญราศรีจงปรากฏ ผิวกายใบหน้าขันธ์ห้าของข้าพเจ้าจงมีราศีความผ่องใสมากกว่าคนทั้งหลาย มีความสว่างมีความผ่องใสกว่าคนทั้งปวง
จากนั้นก็ให้เราตั้งใจโมทนาสาธุกับกัลยาณมิตรที่เจริญพระกรรมฐานร่วมกันในวันนี้ทั้ง 66 ท่าน อธิษฐานจิตถอนจิตจากพระกรรมฐานช้าๆหายใจเข้าลึกลึกช้ายาว หายใจเข้าพุทออกโธ ครั้งที่ 2 ธัมโม ครั้งที่ 3 สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ คุณพระไตรรัตนะคุ้มครองรักษา ทรงภาพพระสามฐาน บุญกุศลหล่อเลี้ยงคุ้มครอง ออกจากสมาธิด้วยจิตอันเป็นสุขผ่องใสอย่างยิ่งเป็นสุขอย่างยิ่ง
สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาสาธุกับทุกท่าน วันนี้ก็มีเรื่องให้แจ้ง แจ้งให้ทราบเรื่องที่ 1 คือให้เราทุกคนโมทนาบุญกับบุญที่เราได้สร้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุญของกองกฐินของวัดท่าซุงที่เราได้ร่วมบุญกับท่านอาจารย์กัลยาณมิตรและหมู่คณะได้ร่วมกันถวายพระผาติกรรม 100,000 บาทเป็นจำนวน ๒ พระองค์ และก็มีญาติของอาจารย์เป็นลูกพี่ลูกน้องคุณกิตติศักดิ์ โรจนธรรมเป็นเจ้าภาพถวาย 1 องค์ รวมถึงบุญที่ได้ร่วมกับกองใหญ่ของวัดท่าซุงจำนวน 39 องค์ ปัจจัยที่เราได้รวบรวมในกองบุญในส่วนของเมตตาสมาธิ แล้วก็คณะของครูพี่เลี้ยงวัดมเหยงคณ์นอกเหนือจากที่ถวายพระผาติกรรมกฐิน 2 องค์ ก็ได้ร่วมทำบุญในบุญเนื่องในงานกฐิน อันได้แก่ร่วมกันถวายพระมหาสังฆทานองค์ใหญ่ 4,000 บาทอีกเป็นจำนวน 5 ชุด ถวายมหาสังฆทาน 1,000 บาทพร้อมผ้าไตรอีก 13 ชุด อันนี้โดยประมาณ ไม่นับรวมบุญกุศลอื่น คือร่วมบุญกับโรงทานทุกโรงทาน ร่วมบุญทำบุญหยอดเงินให้โรงทานทุกโรงทานในงานกฐิน ทำบุญกับเด็กนักเรียนของโรงเรียนที่มาแสดงเพลงบรรเลงมโหรีประกอบพิธีในงาน และบุญกุศลอื่นๆอีกจำนวนมาก ก็ให้เราทุกคนร่วมโมทนาบุญ รวมถึงบุญทั้งหลายที่เป็นกองบุญรวมของกฐิน ไม่ว่าจะเป็นกราน ไม่ว่าจะเป็นกองบุญที่ทางท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุงไปถวายเป็นร้อยวัด กฐินรวมที่หลวงพี่โอท่านไปทำอีกหลายวัด กฐินรวมที่ร่วมบุญถวายกฐินให้กับภาคเหนือทั้งหมดอีกหลายร้อยวัด ภาคใต้อีกหลายร้อยวัด ก็ให้เราทุกคนโมทนาบุญร่วมกัน อันนี้คือเรื่องการโมทนาบุญกฐินที่เราร่วมบุญกัน
ส่วนอีกเรื่องที่แจ้งให้ทราบก็คือ วันที่ 30 พฤศจิกายนก็จะมีการจัดงานเมตตาสมาธิ เป็นครั้งก่อนที่จะขึ้นปีใหม่ ถือว่าเป็นการเจริญพระกรรมฐานใหญ่ก่อนขึ้นปีใหม่ 30 พฤศจิกายน สำหรับใครที่สามารถไปร่วมได้ก็เรียนเชิญ การลงทะเบียนก็จะประกาศประมาณช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน แต่สิ่งที่จะแจ้งให้ทราบพิเศษก็คือการลงทะเบียน เนื่องจากครั้งที่ผ่านๆมา มีผู้ที่ลงทะเบียนไว้แล้วไม่มา ทำให้ท่านเจ้าภาพในการจัดงาน ซึ่งท่านใช้เงินส่วนตัวช่วยกันออกเป็นงบในการจัดงาน ต้องออกค่าอาหารจากการที่บุคคลที่จองไว้แล้วไม่มาเป็นจำนวนมาก ซึ่งครั้งที่แล้วเกินมีอาหารเหลือประมาณ 100 ชุดซึ่งถือว่ามากเกินไป ดังนั้นในครั้งนี้ที่มีการจัดเมตตาสมาธิ เราก็มีมาตรการพิเศษคือ ทุกอย่างเราเลี้ยง ทั้งของว่างเลี้ยงทั้งอาหาร ปฏิบัติธรรมเพื่อความสะดวกสบาย ฟรีทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ในการลงทะเบียนจะมีขั้นตอนพิเศษที่จะต้องให้คนที่ลงทะเบียนวางมัดจำ วางมัดจำเป็นจำนวน 300 บาท โดยที่หากท่านวางมัดจำแล้วมาร่วมกิจกรรมคือเมตตาสมาธิ ทางคณะทีมงานผู้จัดทำก็จะคืนปัจจัยให้ทั้ง 300 บาทที่หน้างานที่ลงทะเบียน แต่ถ้าท่านใดที่ลงทะเบียนไว้ 300 บาทแล้วไม่มา ก็ขออนุญาตที่จะนำปัจจัยที่ท่านลงทะเบียนแล้วไปร่วมบุญ เป็นกองบุญในการจัดงานครั้งต่อๆไป อันนี้ก็แจ้งให้ทราบเพื่อให้ทุกคนได้เตรียมปรับ แล้วก็ตัดสินใจให้ดีว่าเรามาไหม ตั้งใจจริงที่มาไหม เพราะบางครั้งการที่เราจองไว้ล่วงหน้า คิดว่าเป็นงานที่จัดไว้ฟรีแล้วไม่มา แต่บางทีพอเราไม่มากลายเป็นว่าคนที่เขาลงทะเบียนช้าแต่เขาอยากมาจริงๆ เขามาไม่ได้เพราะว่ามีคนสมัครใช้ชื่อใช้โควต้าไปแล้ว ดังนั้นตรงนี้ก็ขออภัยที่ว่ามีความลำบากเพิ่มอีกนิดนึง คือจำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อที่จะให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการจัดงานสูงที่สุด คือให้คนที่เขาต้องการมาต้องการปฏิบัติได้มาปฏิบัติด้วยความสะดวก อันนี้ก็แจ้งให้ทราบ ซึ่งรายละเอียด อาจารย์ก็จะแจ้งอีกครั้งหนึ่งในหน้าเพจหน้า Facebook ต่อไป
ส่วนอีกงานหนึ่งก็คือ งานสร้างพระเจ้าองค์แสนดวงจิตพระนิพพาน งานหล่อพระสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการประสานงานเพื่อเตรียมการจัดสร้างดำเนินงานสมโภชพระเจ้าองค์แสน ซึ่งจะจัดประมาณช่วงกลางเดือนมกราคม ที่วัดพุทธโมกข์ จังหวัดสกลนคร อีกครั้งหนึ่ง อาจารย์ก็จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ความคืบหน้าต่อๆไป
วันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน ในช่วงนี้เหตุการณ์บ้านเมืองก็มีความวุ่นวายมากพอสมควร ใกล้ที่จะเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนแปลงต่างๆมากขึ้น ก็ให้เราทุกคนเพียงอุเบกขา ระมัดระวังเรื่องพยายามเก็บออมรักษาเงินทองเราไว้ให้ดี อันนี้ก็บอกเตือนได้แค่ประมาณเท่านี้ แต่เหตุการณ์ทุกอย่างต่อไปก็จะค่อยๆคลี่คลายลงไปในทางที่ดีขึ้นทั้งหมด อาจจะมีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นบ้างน่าตกใจบ้างปรากฏ แต่สุดท้ายภายในเวลาไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์โลกก็ดี เหตุการณ์ในประเทศไทยก็ดีก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีในทิศทางทิศทางเดียวกันทั้งหมดทั้งโลกใบนี้ ก็ขอให้เราอุเบกขา มีสติสงบอยู่กับธรรมะอยู่กับการปฏิบัติอยู่กับกุศลอยู่กับความดีต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขความเจริญพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดี
ถอดเสียงและเรียบเรียง โดย คุณวิลาวัลย์ วลีเดช





