green and brown plant on water

นิมิตจิตสุดท้ายก่อนนิพพาน

เวลาอ่าน : 3 นาที

เสียงธรรมจากห้อง เมตตาภิรมย์กรรมฐาน

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2568

เรื่อง นิมิตจิตสุดท้ายก่อนนิพพาน

โดย อาจารย์คณานันท์ ทวีโภค

กำหนดสติในความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ผ่อนคลาย ปล่อยวางร่างกาย พร้อมกับความรู้สึก ปล่อยความยึดมั่นถือมั่น ความเกาะเกี่ยวกับร่างกายขันธ์ 5 ปล่อยวางกาย แยกกาย แยกจิต วางกายแล้วสภาวะการปรากฏของจิตก็จะมีความชัดเจน ปล่อยวางกายแล้ว อารมณ์ที่ข้องเกี่ยวเนื่องกับการมีขันธ์ 5 ร่างกายก็คลายตัวลง เบาตัวลง จนจิตเข้าถึงความสงบ วางกายเพื่อเข้าสู่ความสงบของจิต วางกายเพื่อเข้าสู่ความเบาของจิต สงบจากการปล่อยวาง ทรงสภาวะเข้าถึงความสงบจากการปล่อยวางร่างกาย จากนั้นกำหนด ใช้สติกำหนดรู้ในลมหายใจ จินตภาพแห่งลมหายใจกับแพรวไหม พริ้วผ่านเข้าออกในกาย หากขณะนี้จิตเราสงบ ลมหายใจมันรู้ละเอียดลง เบาลง ก็กำหนดรู้อยู่ ลมหายใจสั้นก็กำหนดรู้ ลมหายใจละเอียดก็สงบรู้ หรือ แม้กระทั่งลมหายใจละเอียด สงบ ระงับจนแทบไม่ปรากฏก็กำหนดรู้อยู่ ทรงสภาวะจิตที่กำหนดรู้อยู่นั้น

เมื่อกำหนดรู้ รู้ทั้งลมหายใจคือ รู้ในกาย รู้ในความสบาย ความเบาคือรู้ในเวทนา รู้ในความสงบของจิตคือรู้ว่าจิตของเราทรงฌาน ทรงสมาธิ รู้ในธรรมคือเกิดปัญญาในธรรมที่กำหนดรู้ ตามคำของพระพุทธองค์ที่ทรงตรัสไว้ว่า “ความสุขเสมอด้วยความสงบนั้นไม่มี” จากนั้นส่งความสงบใจ ความเบาความสบาย ทรงสภาวะฌานในอานาปานสติวิหารธรรม สงบ เบา เมื่อทรงอารมณ์จนจิตสามารถตั้งมั่น ทรงอารมณ์สมาธิได้คล่องตัวได้ตั้งมั่นต่อเนื่องราบรื่น มีความเสถียรภาพกลายเป็นปกติ

เราก็เดินจิตขึ้นสู่สมถะในกำลังสมาธิเทียบสูงขึ้นไปคือกสิณ กำหนดยกจิตหยุดนิ่ง หยุดหยุดการปรุงแต่ง หยุดจากอกุศลทั้งหลาย หยุดจากนิวรณ์ 5 นิ่งหยุด จากจุดที่หยุดขยายขึ้น กลายเป็นวงกลม จากวงกลมขยายรูปขึ้น กลายเป็นดวงแก้วคือทรงกลม จากดวงแก้วที่ทรงกลมขยายขนาดขึ้นกลายเป็นดวงแก้วใสสว่าง จากดวงแก้วที่ใสสว่างที่เรียกว่าอุคหนิมิต ยกสภาวะกำหนดภาพของจิตจากอุคหนิมิต ดวงแก้วใสสว่างให้กลายเป็นเพชรประกายพรึก ระเบิดเปิดขึ้นกลายเป็นเพชรลูกระยิบระยับ มีเส้นแสงรัศมีปรากฏรายรอบเป็นประกายพร่างพราว ระยิบระยับเมื่อกำหนดนิมิตเป็นปฏิภาคคณิต เราก็เชื่อมโยงระหว่างนิมิตกับจิตของเรา กสิณคือจิต จิตคือกสิณเป็นหนึ่งเดียวกัน จิตตานุภาพแห่งกสิณมีอานุภาพเพียงใด ก็ขอให้จิตของเรามีจิตตานุภาพอภิญญาฤทธิ์ปรากฏขึ้น ด้วยกำลังของกสิณจากจิตที่เป็นปฏิภาคคณิตนี้ กำหนดเห็นจิตประภัสสรสว่างระยิบระยับ กำหนดขยายขอบเขตจากจิตที่เป็นเพชรระยิบระยับ ขยายครอบคลุมจักรวาล คลุมทั่วอนันตจักรวาลทั้งหมด กำลังของจิตไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ จิตเป็นเพชรประภัสสรใหญ่ครอบคลุมห่อหุ้มจักรวาลทั้งหมดไว้ ห่อหุ้มจักรวาล ห่อหุ้มดาวฤกษ์ทั้งปวง คือดวงอาทิตย์ทุกดวงในอนันตจักรวาล ก็มีแสงเหลือเพียงแค่อุปมาดั่งแสงของหิ่งห้อย จิตของเราประภัสสรสว่างระยิบระยับคลุมจักรวาลทั้งหมด

กำหนดทรงสภาวะจิตที่ตั้งมั่นทรงกำลัง ให้จิตประภัสสรของเราเพิ่มพูนจิตตานุภาพขึ้น จิตประภัสสรเต็มกำลัง ทรงสภาวะนั้นไว้ จากนั้นกำหนดต่อไปว่าให้แสงสว่างรัศมีของจิตเป็นกระแสแห่งเมตตา เป็นคลื่นของความสงบร่มเย็น เป็นคลื่นกระแสแห่งกุศล เป็นคลื่นกระแสแห่งบุญ แผ่สว่างกระจายออกไปทั่วทุกภพทุกภูมิ ทรงสภาวะที่จิตประภัสสรที่สุด มีเมตตาอันไม่มีประมาณอย่างถึงที่สุด ทรงสภาวะที่จิตมีความผ่องใสเบิกบาน จิตของเราเอิบอิ่มที่สุดเป็นสุขที่สุด สว่างมากที่สุด อารมณ์จิตชื่นบาน เบิกบาน ผ่องใสอย่างยิ่ง เมื่อจิตขยายใหญ่จนครอบคลุมจักรวาลทั้งหมดแล้ว ก็ให้เราเจริญปัญญาพิจารณาว่า สุดท้ายแล้วสิ่งที่ใหญ่ที่สุดมีกำลังที่สุดก็คือดวงจิตทั้งหลายจิตทั้งหลายมีธรรมชาติแห่งพุทธะ คือความรู้ตื่น จิตทั้งหลายทุกดวงล้วนมีธรรมชาติแห่งการบรรลุธรรม กำหนดให้จิตของเราประภัสสรที่สุดสว่างที่สุด

พิจารณาให้เห็นว่าจิตดวงนี้สามารถครอบคลุมได้ทั้งจักรวาล ดังนั้นพิจารณาลงว่า ทรัพย์สินทั้งหลาย สมบัติทั้งหลายของโลกมนุษย์ เมื่อจิตเรายิ่งใหญ่ห่อหุ้มจักรวาลทั้งหมด ห่อหุ้มแม้สุริยะจักรวาล ห่อหุ้มแม้โลกทั้งดวง ดังนั้นมนุษย์สมบัติทั้งหลาย อันที่จริงแล้วมันเล็กยิ่งกว่าเมล็ดทรายเมล็ดหนึ่งในท้องทะเลมหาสมุทร เราพิจารณาว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนั้นไร้แก่นสาร เป็นของเล็กน้อย แต่เราไปยึดมั่นถือมั่นไปปรุงกันว่ามันมาก มันสำคัญ จนกระทั่งบางบุคคลแม้ทรัพย์สินเพียงไม่มาก แต่เรายอมทำลายศีลธรรมคุณธรรมความดีของเราเพราะหวังสิ่งที่มันเล็กน้อยอย่างยิ่งนั้นหรือ แต่อันที่จริงจิตของเรามีบุญมีกุศลมีแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่มากมายยิ่งมนุษย์สมบัติทั้งหลาย กำหนดพิจารณาจนปล่อยวาง จนเข้าใจธรรมะอุทานของเสขบุคคล พระอริยเจ้าทั้งหลายที่ท่านเปล่งวาจาอุทาน ว่า “การที่ได้ความเป็นพระโสดาบันก็ดี การได้เข้าถึงธรรมะก็ดีเป็นอริยทรัพย์เป็นอารยสมบัติที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิราชทั้งหลายมารวมกลุ่มกัน”  หรือแม้แต่มนุษย์สมบัติทั้งหลายของบุคคลทั้งโลกมารวมตัวกันอริยทรัพย์นั้นสว่างยิ่งใหญ่กว่าหรือแม้กระทั่งเอาเพียงแค่สวรรค์สมบัติก็ยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์สมบัติทั้งปวง พรหมสมบัติก็ยิ่งใหญ่กว่าสวรรค์สมบัติทั้งปวง แต่ท้ายสุดแล้วอริยทรัพย์ อริยสมบัติก็ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าทรัพย์ทั้งปวงในสังสารวัฏ คือมนุษย์สมบัติก็ดีสวรรค์สมบัติก็ดีพรหมสมบัติตัวหรือแม้แต่อรูปพรหมสมบัติมารวมตัวกันทั้งหมด อริยทรัพย์นำพาจิตพ้นจากวัฏสงสาร อริยทรัพย์ไม่มีความเสื่อมต่อไป มนุษย์สมบัติยังมีการถูกทำลาย มีความหมดเปลือง มีการใช้จ่าย มีการสูญหาย มีการถูกทำลายไปด้วยไฟก็ดี ภัยพิบัติศึกสงครามทั้งหลายก็ดีหรือแม้แต่ถูกลักถูกขโมยไปก็ดี มนุษย์สมบัติมีความไม่เที่ยงอย่างที่สุด สวรรค์สมบัติก็มีความไม่เที่ยงแต่ไม่ถูกแย่งชิงไปได้ สวรรค์สมบัตินั้นเป็นสมบัติเฉพาะตนของแต่ละบุคคลที่เกิดขึ้นจากบุญกุศลที่สร้างที่บำเพ็ญมาใครก็แย่งไปไม่ได้ ใครก็ลักไปไม่ได้ ใครก็ช่วงชิงไปไม่ได้หรือแม้แต่การที่เจ้าของสวรรค์สมบัตินั้นจะมอบให้บุคคลอื่นให้กับบุคคลอื่น ถึงแม้ว่าเป็นญาติของตน แต่ถ้าบุคคลที่เป็นญาตินั้นไม่เคยสร้างกุศลมาด้วยตัวเองมาในกาลก่อน ไม่เคยโมทนาบุญกับกุศล ก็ไม่สามารถที่จะดื่มที่จะใช้ จะทรงสวรรค์สมบัติที่ถูกมอบให้นั้นได้ ดังนั้นสมบัติที่เป็นทิพย์ กับสมบัติที่เป็นของหยาบนั้นก็มีความแตกต่างกัน เรากำหนดรู้ด้วยความเป็นทิพย์

จากนั้นกำหนดให้จิตของเราประภัสสรสว่างที่สุด กำหนดรู้ว่าการที่เราทรงฌานสมาบัติ จิตเข้าถึงฌาน 4 ในกสิณ จิตเข้าถึงเมตตาอันไม่มีประมาณ ถ้านับเนื่องผลอานิสงส์แห่งการทรงสมาบัติอทรงฌานที่ปรากฏขึ้นในปัจจุบันขณะนี้ เป็นเหตุที่เกิดผลคือก่อให้เกิดพรหมสมบัติปรากฏ กำหนดรู้ในความเป็นทิพย์ ขอให้สภาวะแห่งพรหมสมบัตินั้นปรากฏขึ้น กำหนดรู้ว่าเหตุที่เราปฏิบัติในแต่ละจุด ผลปรากฏอย่างไรบ้าง

กำหนดรู้ว่าในขณะที่เราทรงอารมณ์แผ่เมตตาสว่าง จิตประภัสสรที่สุด จิตสว่างผ่องใสที่สุด จิตเข้าถึงฌาน 4 ทรงอารมณ์เพียงแค่ชั่วขณะเดียว ผลอานิสงส์ก็สามารถยังให้ไปจุติยังพรหมโลกชั่วกาล เป็นเวลาเป็นกัปเป็นกัลป์ คือพระพุทธเจ้าปรากฏเสด็จปรากฏขึ้นหลายพระองค์บุญกุศลในขณะที่เราทำเข้าถึงสภาวะธรรมนี้สภาวะฌานสมาบัตินี้ก็ยังไม่หมดผลอานิสงส์นั้น อันนี้คือบุญ อันนี้คือกุศลและผลแห่งบุญกุศลที่ปรากฏ แต่คราวนี้ในการปฏิบัติธรรมของเรา เราปฏิบัติธรรมโดยมุ่งหวังในสิ่งที่สูงขึ้นไปอีก คือพ้นจากสังสารวัฏ ดังนั้นผลอานิสงส์ในการปรากฏซึ่งพรหมสมบัติ เราไม่ปรารถนา เราปรารถนาให้กำลังแห่งสมาบัติที่เราฝึกที่เราปฏิบัตินี้ เป็นกำลังเพื่อผลักดันจิตให้พ้นจากสังสารวัฏ คือเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน

เมื่อพิจารณาแล้วเราก็อธิษฐานจิต กำหนดน้อมนึกตรึกถึงคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระอริยสงฆ์ กำหนดภาพพุทธนิมิต อธิษฐานจิตด้วยกำลังแห่งฤทธิ์อภิญญา ขอจงปรากฏภาพพุทธนิมิตเป็นพระพุทธองค์ ทรงสภาวะเป็นเพชรประกายพฤกษ์สว่างไสวรุ่งโรจน์อย่างยิ่ง มีกระแสแห่งพุทธานุภาพประดุจพระพุทธองค์ทรงเสด็จมาโปรดจิตของเราด้วยพระองค์เอง กำหนดน้อมภาพจงปรากฏขึ้น พุทธานุภาพจงปรากฏ กระแสธรรมานุภาพจงปรากฏ กระแสสังฆานุภาพจงปรากฏ จากนั้นทรงสภาวะที่พระพุทธองค์ทรงปรากฏเป็นเพชรประกายพฤกษ์นั้นไว้ กำหนดน้อมให้ติดตาตรึงใจ หลับตาเห็นลืมตาเห็น อธิษฐานว่าขอให้พุทธนิมิตของพระพุทธองค์นั้นปรากฏในจิตของข้าพเจ้าอย่างง่ายดายได้เป็นปกติ และข้าพเจ้าสามารถทรงสภาวะคือการทรงภาพพุทธนิมิตนี้ได้อย่างง่ายดาย เป็นปกติทั้งลืมตาหลับตายืนเดินนั่งนอน และสิ่งสำคัญที่สุดคือไม่ใช่สักแต่ว่าเห็นภาพองค์พระ แต่ขอให้จิตมีญาณเครื่องรู้อันเป็นทิพย์สามารถสัมผัสกระแสสามารถรับการถ่ายทอดธรรมะโดยตรงประดุจพระพุทธองค์ทรงเสด็จมาโปรดจำเพาะเจาะจงโดยตรงต่อจิตของข้าพเจ้าได้เป็นปกติ กำหนดน้อมเช่นนี้ไว้ จึงได้ขึ้นชื่อว่าทรงกำลังอยู่ในพุทธานุสติ เข้าถึงพุทธานุภาพของพระพุทธองค์เต็มกำลัง จิตถึงพร้อมซึ่งความเพียร ความตั้งมั่น ความศรัทธา ความเพียรคือความขยันที่จะฝึก ที่จะปฏิบัติ ความตั้งมั่นคือเมื่อเราทรงภาพพระแล้วจิตไม่มีความลังเลสงสัย ทรงภาพพระแล้วพระพุทธนิมิตติดตาตรึงใจของเรา ไม่เคลื่อนไม่เลือนไม่หายไม่จาง ทรงสภาวะที่เป็นเพชรประกายพรึกขององค์พระพระพุทธลักษณะฉัพพรรณรังสีปรากฏกระจ่างแจ้ง กระจ่างชัดกับจิตของเราเป็นปกติ และสิ่งสำคัญคือจิตของเราศรัทธาตั้งมั่นอย่างเต็มกำลัง เมื่อจิตศรัทธาตั้งมั่นอย่างเต็มกำลัง กระแสพุทธานุภาพที่ถ่ายทอดลงมายังจิตของเราก็ถูกถ่ายทอดลงมาเต็มกำลังด้วยเช่นกัน จิตถึงพร้อม จิตตั้งมั่น จิตศรัทธาพร้อมด้วยปัญญาครบถ้วน

เมื่อทรงภาพองค์พระสว่างชัดเจนชัดแจ้งในใจแล้ว เราก็อาราธนาบารมีพระท่าน ขอพุทธานุภาพสงเคราะห์ให้ยกจิตข้าพเจ้าก็ขึ้นไปบนพระนิพพาน ขอจงปรากฏอยู่ท่ามกลางมหาสมาคม มีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธาน ท่ามกลางพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ในอดีต พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ผู้เป็นพระอัครสาวก พระอสีติมหาสาวกของพระพุทธเจ้าในแต่ละพระองค์นับตั้งแต่อดีตกาลจนกระทั่งถึงพระพุทธเจ้าองค์พระสมณโคดมพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เมื่อปรากฏกาย อาทิสมานกายของเรา ก็ขอจงปรากฏในสภาวะแห่งกายพระวิสุทธิเทพจากนั้นอธิษฐานว่าพระนิพพานนี้ ขอจงปรากฏครอบคลุมเป็นวิมานของสมเด็จองค์ปฐม ทุกท่านในมหาสมาคม อยู่ในวิมานของสมเด็จองค์ปฐม องค์ต้นธาตุต้นธรรมบนพระนิพพาน กำหนดน้อมพิจารณาว่า หากเปรียบเทียบก็นับว่าบัดนี้ เราได้ขึ้นมาปรากฏได้เดินทางไปยังวัด วัดที่มีพระพุทธเจ้า มีพระธรรม มีพระอริยสงฆ์ที่ถึงพร้อม ทุกท่านล้วนแล้วแต่เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ คือเป็นจิตที่สิ้นจากอาสวะกิเลสทั้งหลาย เข้าถึงความเป็นพระวิสุทธิเทพ คำว่าพระวิสุทธิเทพนั้นมีความหมายว่าท่านที่เข้าถึงความบริสุทธิคุณคือสะอาดจากกิเลสทั้งปวงปราศจากสังโยชน์ทั้ง 10 เครื่องร้อยรัดจิตให้ยังวนเวียนก็เกี่ยวอยู่ในสังสารวัฏนี้ แม้แต่เราผู้ที่ยกจิตขึ้นมาถึงพระอาราม คือวัดแห่งนี้สถานที่แห่งนี้ จิตของเราในขณะที่ขึ้นมาก็เข้าถึงอรหันตผลในขณะที่เรายกจิตขึ้นมาบนพระนิพพานด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากเรากล่าวถึง วัดแห่งนี้จะมาง่ายก็เหมือนง่าย จะมายากก็เหมือนยาก ไกลสุดขอบฟ้าแต่ก็ใกล้อยู่เพียงแค่เพียงตา สำหรับบางบุคคลก็สามารถขึ้นมาที่วัดที่พระนิพพานแห่งนี้ได้โดยง่ายแต่สำหรับบางบุคคลก็ดับจากพระนิพพาน คือดับเนื่องจากจิตมีมิจฉาทิฐิคิดว่าพระนิพพานไม่สูญ จิตมีความปรามาสในพระรัตนตรัย ดังนั้นสำหรับบางบุคคลวัดแห่งนี้ก็ไม่สามารถที่จะเดินทางมาถึง หรือแม้กระทั่งการมาถึงที่นี่ได้ต้องเป็นบุคคลข้อที่ 1 ทรงฌานสมาบัติในระดับของฉฬภิญโญคืออภิญญา ๖ สามารถใช้กำลังของมโนมยิทธิ ถอดกายทิพย์ใช้อาทิสมานกายมาถึงที่แห่งนี้ได้ ข้อที่ 2 จิตต้องมีความสะอาดพิจารณาตัดร่างกายขันธ์ 5 คือเข้าสู่ฌานสมาบัติในระดับที่สามารถแยกรูปแยกนาม แยกกาย แยกจิต การตัดขันธ์ 5 ก็เพื่อแยกแยกกายแยกกิจกรรมดังนั้นต้องเข้าถึงสภาวะข้อต่อมาก็คือจะต้องชนะนิวรณ์ทั้ง 5 ประการให้ได้ ข้อต่อก็คือต้องพิจารณาตัดสังโยชน์ให้ได้นับตั้งแต่สังโยชน์ 3 ขึ้นไปจนกระทั่งถึงสังโยชน์ 10 และสิ่งสำคัญที่สุดบุคคลที่สามารถมาที่สถานที่แห่งนี้คือพระนิพพานจิตจะต้องมีความศรัทธาตั้งมั่นในไตรสรณคมน์ มีความเชื่อมั่นในความเป็นสัมมาทิฏฐิ เชื่อมั่นว่านิพพานนั้นไม่สูญ เชื่อมั่นในกรรม กฎของกรรม เชื่อมั่นว่าภพภูมิทั้งหลายมีจริง

เรากำหนดเห็นกายเราทั้งหมด ขอสภาวะพระนิพพานจงปรากฏ ประดุจดั่งพระอุโบสถขนาดใหญ่พร่างพรายเรียงลำดับของพระพุทธองค์ เรียงลำดับของพระปัจเจกพุทธเจ้า เรียงลำดับของพระอรหันต์นับตั้งแต่พระอัครสาวกของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ รองลงมาเป็นพระอสีติมหาสาวกของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จนกระทั่งถึงทุกๆพระองค์ เรียงลำดับนับตั้งแต่ปฏิสัมภิทาญาณไล่ลงมาเป็นฉฬภิญโญ เตวิชโช จนกระทั่งถึงพระอรหันต์สุขวิปัสสโก ขอเราจงปรากฏในความเป็นกายพระวิสุทธิเทพอยู่ท่ามกลางมหาวิหารแห่งพระนิพพานแห่งนี้ด้วยเทอญ

จากนั้นตั้งจิตอธิษฐานขอจงปรากฏธูปแพเทียนแพอันเป็นแก้วที่วิจิตรบรรจงที่สุด ประณีตที่สุด สว่างที่ไสวที่สุด กำหนดจิตอธิษฐานขอจงปรากฏกับกายพระวิสุทธิเทพของเราแต่ละบุคคล อธิษฐานตั้งใจว่าการเจริญพระกรรมฐานของข้าพเจ้านี้เราทรงอารมณ์สูงสุดคืออารมณ์พระนิพพาน อุปสมานุสติกรรมฐาน ตั้งใจว่าการปฏิบัติของข้าพเจ้านี้เป็นไปเพื่อพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา จากนั้นกำหนดอธิษฐานยกธูปแพเทียนแพอันเป็นแก้ววิจิตรนี้ ถวายพระพุทธองค์ ถวายทุกท่านในมหาสมาคมบนพระนิพพานแห่งนี้ ขอให้ทุกท่านทุกๆพระองค์เมตตาโมทนาสาธุการกับการปฏิบัติ ผลแห่งการปฏิบัติของข้าพเจ้า จากนั้นอธิษฐานจิตนะ ตั้งจิตอธิษฐาน ทรงสภาวะความเป็นกายพระวิสุทธิเทพเต็มกำลัง อธิษฐานจิตว่า  “ด้วยการปฏิบัติของข้าพเจ้านี้ ตั้งจิตตรงต่อมรรคผลพระนิพพาน ขอให้ผลแห่งการปฏิบัติทั้งหลาย ขอให้การบำเพ็ญกุศลอันประกอบไปด้วยทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนาทั้งสมถะ วิปัสสนากรรมฐาน กรรมฐานทั้ง40กอง ขอจงเป็นไปเพื่อให้จิตข้าพเจ้าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้ในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ” ขอทุกท่านทุกๆพระองค์เมตตาโมทนาสาธุการและประสิทธิ์ประสาทพรแห่งพระนิพพานให้จิตข้าพเจ้าดวงนี้จงเข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้โดยง่ายโดยพันด้วยเทอญ กำหนดรู้ของเราเองนะว่าท่านโมทนาสาธุมั้ย จิตของเรามีความมั่นใจมั่นคงเต็มเปี่ยมเต็มกำลังมั้ย ในการปฏิบัติเพื่อพระนิพพานชาตินี้

จากนั้นอธิษฐานจิตต่อไป “ขอให้ในยามที่ข้าพเจ้าใกล้ถึงกาลสังขารที่ขันธ์5แตกดับ ขอให้พระพุทธองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ โดยเฉพาะหลวงพ่อครูบาอาจารย์ เมตตาดลจิตดลใจให้ข้าพเจ้า ตรึกรำลึกนึกถึงตายชาตินี้ นิพพานชาตินี้ให้ข้าพเจ้านึกถึงได้แต่กุศล นึกถึงได้แต่นิมิต เครื่องหมายอันเป็นกุศล นึกถึงอารมณ์พระกรรมฐาน อารมณ์พระนิพพานที่ข้าพเจ้าได้ยกจิตขึ้นมามากมายครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นร้อยครั้งเป็นพันครั้งเป็นหมื่นครั้งเป็นแสนครั้งตลอดชีวิต แห่งการปฏิบัติของข้าพเจ้านี้และหากแม้นยังอาจมีวิบากอกุศลใดเข้ามาขัดข้อง เข้ามาขัดขวางก็ตาม ขอพระพุทธองค์ขอครูบาอาจารย์เมตตาสงเคราะห์เมตตาส่งราชรถแห่งพระนิพพานมารับดวงจิตของข้าพเจ้าดวงนี้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ” จากนั้นอธิษฐานจิตนะ ขอดูอนาคตังสญาณนะ พิจารณาในมรณสติว่าเรานั้นในอารมณ์จิตสุดท้ายก่อนตาย ขอให้ปรากฏภาพว่านิมิตก่อนตายของเรานั้น ท่านใดบ้างมาปรากฏ ท่านใดบ้างมารับและปรากฏในสภาวะเช่นไรเมื่อยามนิมิตแห่งอนาคตังสญาณนี้ปรากฏขึ้น ก็ให้เราอธิษฐานจิตเกาะในอารมณ์พระนิพพาน อธิษฐานจิตให้นิมิตที่เป็นอนาคตังสญาณนี้ติดตาตรึงใจตรึงจิตเราไว้ กำหนดน้อม ขอสภาวธรรมจงปรากฏด้วยเทอญ คำที่ท่านทั้งหลาย ที่ท่านเข้าถึงซึ่งพระนิพพานก่อนเราล่วงหน้าแล้ว ได้อุทานก็ขอให้เราได้กำหนดรู้ ว่าถึงวาระของเราแต่ละคน สิ่งที่ปรากฏแรกเริ่มเป็นอย่างไรบ้าง ความสว่างปรากฏมั้ย ความพร่างพรายความเป็นเพชรระยิบระยับปรากฏมั้ย จากนั้นปรากฏสิ่งใดขึ้น ท่านใดเสด็จมาบ้าง ก็ให้เรากำหนดรู้ของเราโดยละเอียดอธิษฐานให้ติดตราตรึงใจเราไว้ สภาวะที่จิตสิ้นอาสวกิเลสเข้าถึงอรหันตผล ในจิตสุดท้ายก่อนตายเป็นอย่างไร ก็จงกำหนดรู้อยู่ความห่วงใยในร่างกายสิ้นไปจนหมด สนใจแต่สิ่งที่ปรากฏในความเป็นทิพย์ที่ท่านเสด็จมารับ ความห่วงความอาลัยในสังสารวัฏ ในบุคคลทั้งหลายสิ้นไปหมดจิตพ้นจากแรงดึงดูดของวัฏสงสาร เข้าถึงอรหัตผลเป็นอย่างไร ขอให้เราซึมซับในอารมณ์ในสภาวะในความเป็นทิพย์ละเอียดลึกซึ้งที่สุดเท่าที่จะตาตรึงติดไว้ในจิตในใจของเรา พิจารณาในจิตของเราโดยละเอียดนะ ความกลัวตายมีมั้ย พอท่านเสด็จมารับ ความอาลัยทั้งหลายมีมั้ย จิตมันสิ้นภพจบชาติอย่างไร สภาวะนี้สำคัญอย่างยิ่งในการเจริญพระกรรมฐาน จากนั้นให้เราอธิษฐานจิตนะ ว่าขอให้ท่านทั้งหลายผู้เข้าถึงอรหัตผลในเพศแห่งฆราวาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีบุคคลท่านใดที่ข้าพเจ้าเคยได้ยินชื่อเสียงอยู่บ้าง ก็ขอให้ท่านเมตตามาสงเคราะห์แสดงภาพนิมิต ดวงจิตของท่านก่อนเข้าพระนิพพาน อาทิเช่นพระองค์เจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต อาทิเช่นคุณลุงยกทรง อาทิเช่นลูกศิษย์หลวงพ่อที่ท่านเข้าถึงพระนิพพานก่อนเราเข้าถึงพระนิพพานไปแล้ว ท่านใดที่เราพอรู้จัก พอคุ้นเคยพอได้ยินชื่อก็ขอให้เมตตามาปรากฏเห็นเป็นนิมิตให้เราได้ศึกษา การศึกษาทั้งหมดในเรื่องของจิตสำคัญที่จิตช่วงพิจารณาตัดก่อนบรรลุธรรม จิตช่วงก้าวข้ามจากอาสวกิเลส ก้าวข้ามจากความเป็นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป เข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้า อารมณ์สุดท้ายที่จิตจะดับแล้วก็เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน จุดสำคัญทั้งหลายเหล่านี้เราควรพิจารณาให้เข้มข้นเข้าถึงเข้าใจ ประดุจเราอยู่ในเหตุการณ์นั้น เราเป็นจิตดวงนั้นเอง เมื่อฝึกแบบนี้มากเข้าบ่อยเข้านานเข้า จิตก็จะยิ่งชินกับสภาวะในขณะจิตที่สิ้นจากอาสวกิเลส ตอนนี้ก็ให้เรากำหนดนะ ขอเมตตาท่านทั้งหลายพระอรหันต์ผู้เป็นฆราวาส เมตตามาปรากฏเป็นพี่เลี้ยงกับจิตของข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเทอญ จะหลายท่าน จะหลายสภาวะก็ได้นะ ว่าท่านมีนิมิตหมายอย่างไร ท่านใดมารับท่านกันบ้าง เมื่อจิตได้ซึมซับทั้งสภาวะทั้งอารมณ์ทั้งการพิจารณาจิตเราก็จะยิ่งมีความเข้าใจในการปฏิบัติในการละ เพื่อเข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้อย่างลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ก็ให้เรายิ่งพิจารณานะอันที่จริงแล้วพระพุทธองค์อันที่จริงแล้วครูบาอาจารย์ท่านทั้งหลายที่ท่านเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ ท่านล้วนแล้วแต่ช่วยเรากันเต็มกำลังนะสำคัญที่เรานี่แหละต้องขยันยกจิตขึ้นมาบนพระนิพพาน ขยันหมั่นรำลึกนึกถึงพระพุทธเจ้านึกถึงอารมณ์พระนิพพานให้บ่อยมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ จากนั้น ให้เรากราบขอบพระคุณทุกท่านท่านทุกๆพระองค์ที่ท่านเมตตามาโปรดมาสงเคราะห์เรานะ

เมื่อกราบแล้วเราก็ตั้งจิตอธิษฐานว่าช่วงท้ายเราก็ขอยังประโยชน์อาศัยกำลังบุญอารมณ์พระกรรมฐานนี้เป็นกำลังบุญใหญ่เป็นปฏิปทาสาธารประโยชน์เกื้อกูลสงเคราะห์โลก สงเคราะห์อนันตจักรวาลสงเคราะห์วัฏสงสาร อาราธนากระแสทุกท่านทุกๆพระองค์ บนพระนิพพานเป็นกระแสบุญศักดิ์สิทธิ์เป็นรัศมีกายเป็นกำลังบุญของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์พระทุกๆพระองค์ มีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธานน้อมเป็นกระแสบุญรวมลงมา แผ่เมตตาเป็นกำลังกุศลกำลังบุญลงมายัง อรูปพรหมทั้ง 4 แผ่เมตตาลงมายังพรหมโลกทั้ง 16 ชั้น แผ่เมตตาลงมายังอากาศเทวดาทั้ง 6 ชั้น แผ่เมตตาถึงชั้นดุสิตชั้นแห่งพระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆพระองค์แผ่เมตตาลงไปยังพบขอรุกขเทวดา ภูมิเทวดาทุกดวงดาวทั่วอนันตจักรวาล แผ่แม่ตาลงไปยังภพที่เป็นภพกลางคือภพที่มีขันธ์ 5 กายหยาบของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายทั่วอนันตจักรวาล แผ่เมตตาลงไปยังภพของโอปปาติกสัมภเวสี จิตวิญญาณเร่ร่อนทั้งหลาย ชาวเมืองบังบดลับแลมิติที่ทับซ้อนทั่วอนันตจักรวาลแผ่เมตตาลงไปยังเปรตอสุรกายทั้งหลาย แผ่เมตตาลงไปยังดวงจิตของสัตว์นรกทั้งหลายลึกลงถึงที่สุดคือโลกันตมหานรก ขอบุญทั้งหลายของข้าพเจ้าจงส่งผลขอกุศลทั้งหลาย ที่บุคคลได้บำเพ็ญอุทิศในวันสารทให้กับบรรดาดวงจิตที่ประสบความทุกข์ได้ยากทั้งหลายจงส่งถึง

จากนั้นอาราธนาน้อมกระแสจากพระนิพพานลงมาคุ้มครองโลกใบนี้ ขอความสุขสงบสันติร่มเย็นจงปรากฏขอความอุดมสมบูรณ์การปรับธาตุทั้ง4ดิน น้ำ ลม ไฟ การชำระล้างครั้งใหญ่ที่ปรากฏขึ้นนั้น ขอมีกระแสบุญกุศลคุ้มครองรักษา บุคคลที่เป็นคนดี บุคคลที่จะก้าวผ่านยุค เข้าสู่ยุคชาววิไล ขอเทวดาพรหมทั้งหลายเมตตาคุ้มครอง รวมทั้งข้าพเจ้าเองด้วยเทอญ แผ่เมตตาลงไปเป็นกระแสบุญคลุมประเทศไทยทั้งหมด ขอแผ่นดินนี้ได้ถูกชำระล้างจากความชั่วเป็นกระแสแห่งบุญกุศล ยังคุณธรรม ยังศีลธรรม ยังกระแสแห่งกุศลกระแสแห่งบุญ กระแสแห่งเมตตามาปรากฏในดินแดนแห่งนี้ ขอความสามัคคีของคนในชาติ ขอความรู้ ปัญญาที่รู้ความผิดชอบชั่วดี อะไรถูก อะไรผิด อะไรควร ไม่ควร ใครบุคคลใด ควรสรรเสริญ บุคคลใดควรหลีกห่างจากพาลชนขอความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจงปรากฏความสามัคคีจงปรากฏคุณธรรมศีลธรรม ความสามัคคีธรรมของคนในชาติจงปรากฏ จากนั้นน้อมกระแสพุทธานุภาพ จากพระนิพพานลงมาคลุมคุ้มครองพระพุทธศาสนา วัดวาอารามทุกแห่ง สถานปฏิบัติธรรมทุกแห่ง คุ้มครองพุทธบริษัท4ที่มีจิตบริสุทธิ์ จิตเป็นกุศล จิตศรัทธาประสาทะในพระพุทธศาสนา ขอกระแสบุญกุศลชำระล้างอลัชชีทั้งปวงออกไป ความชั่วบาปเคราะห์อกุศลทั้งหลายที่มาแฝงอวิชชาคุณไสยทั้งหลายที่มาแฝง ขอกำลังพุทธานุภาพสลายออกไปจนหมด ชำระล้างออกไปให้หมด ดับล้างออกไปจนหมด เหลือแต่ความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนา ขอกำลังพุทธานุภาพ กระแสธรรม กระแสแห่งสัมมาทิฏฐิ กระแสแห่งมรรคผล กระแสแห่งโลกุตรธรรมจงหลั่งไหลลงสู่จิตของพุทธบริษัท 4 ทั้งปวงด้วยเทอญขอพุทธานุภาพหลั่งไหลลงมา ประสิทธิ์ประสาทยังพระพุทธรูปทุกๆพระองค์ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ พระเครื่องวัตถุมงคลทั้งหลาย ผ้ายันต์ ตะกรุด พระบรมสารีริกธาตุ พระอัฎฐิธาตุ พระอรหันตธาตุ พระธาตุเจดีย์พระมหาธาตุ พระปรางค์ทั้งหลายขอจงมีแต่ความศักดิ์สิทธิ์ของพุทธานุภาพมีเทวดาพรหมผู้เป็นสัมมาทิฏฐิศรัทธาในพระพุทธศาสนาคอยพิทักษ์รักษาให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ และขอให้กำลังกระแสบุญจากพระนิพพานกำลังบุญแห่งการเจริญพระกรรมฐาน กำลังพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์มาประสิทธิ์ประสาทคุ้มครองรักษาอภิบาล องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถาบันพระมหากษัตริย์ พระบรมราชินี พระพันปีหลวงพระบรมวงศานุวงศ์ทุกๆพระองค์ ตลอดรวมจนถึงบุคนที่มีจิตอันบริสุทธิ์แน่วแน่ที่จะช่วยทำนุบำรุงชาติแผ่นดินนี้ให้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริง บุคคลที่มีความเสียสละต่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ขอจงมีกำลังบุญหนุนนำให้ขึ้นสู่อำนาจให้ขึ้นมาปกครองบ้านเมืองแผ่นดิน คนดีคนบริสุทธิ์คนจริงใจ จงมามีอำนาจอยู่เหนือบุคคลที่พาลชนทั้งหลาย บุคคลที่เสียสละจงมามีอำนาจปกครองบ้านเมืองตามคำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยเทอญ จากนั้นน้อมกระแสบุญลงมา ถวายยังพระสยามเทวาธิราชทุกพระองค์ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง พระกาลชัยศรี เทพยดาอารักษ์ที่พิทักษ์รักษาอภิบาลพระบรมหาราชวังพระราชวัง เขตบ้านเมืองทั้งหลาย ขอจงมีบุญญฤทธิ์ อิทธฤทธิ์ เทพฤทธิ์ พรหมฤทธิ์ เต็มกำลังขอกำลังบุญกุศลจงน้อมถวายบูชาดวงพระวิญญาณของบูรพมหากษัตริย์เจ้าทุกๆพระองค์ ขอกำลังบุญกุศลทั้งหลายน้อมถึงดวงวิญญาณของบรรพชนบรรพบุรุษผู้อุทิศเสียสละเลือดเนื้อเพื่อพิทักษ์รักษาบ้านเมืองรวมทั้งดวงวิญญาณของทหารหาญที่เสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองในการรักษาอธิปไตยทุกดวงวิญญาณด้วยเทอญ ขอภาพดวงวิญญาณทั้งหลายจงมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าน้อมรับกระแสบุญน้อมรับกระแสแห่งพระนิพพานและขอจงปรากฏสภาวะในการปรับภพภูมิสู่ภพภูมิที่ดีขึ้นปรากฏขึ้นด้วยเทอญ จากนั้นอธิษฐานจิตนะ ขอบุญกุศลจงส่งผลถึงหมู่คณะทั้งหลายทุกสายบุญ ขอจงเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าขึ้น ไม่หลุดจากกระแสธรรม ไม่หลุดจากจากกระแสแห่งมรรคผล ไม่หลุดจากกระแสโลกุตตระและไม่หลุดจากยุคชาววิไล ทุกสายบุญนะตอนนี้ทุกสายก็มีความเชื่อมโยง มีความต่อเนื่องถึงกัน

จากนั้นก็อธิษฐานกราบลาทุกท่านทุกๆพระองค์บนพระนิพพานด้วยความนอบน้อมด้วยความความเคารพเมื่อกราบลาแล้วก็อาราธนากระแสจิตเราพุ่งกลับลงมายังกายเนื้อ พร้อมน้อมกระแสแห่งพระนิพพานลงมาครอบคลุมคุ้มครองทั้งกายเนื้อกายทิพย์ เป็นลำแสงสว่างสีขาวคลุมกายเนื้อกายทิพย์ทั้งหมดชำระล้างธาตุธรรม ชำระล้างทั้งจิตชำระล้างทั้งขันธ์ 5 ธาตุธรรมชำระล้างกายเนื้อ ผมขนเล็บฟันหนังจนเป็นแก้วใสสว่าง โครงกระดูกทั่วร่างกายจงกลายเป็นแก้วใสสว่าง หลอดเลือดเส้นเอ็นทั้งหลายจงกันกลายเป็นแก้วใสสว่าง อาการทั้ง 32 ทั่วร่างกายกายเซลล์ทุกเซลล์ อวัยวะภายในทุกส่วนจงกลายเป็นแก้วใสสว่างกระแสพระนิพพานธาตุธรรมชำระล้างธาตุขันธ์ เซลล์มะเร็งจงสลายตัวไป เซลล์เนื้องอก ซีส สิ่งที่เป็นผิดปกติทั้งหมดขอจงสลายตัวออกไป พยาธิสภาพเชื้อโรคทั้งหลายขอจงสลายตัวออกไป ธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์ เซลล์ทุกเซลล์จงมีธาตุธรรมหล่อเลี้ยง บุญกุศลหล่อเลี้ยงเซลล์ทุกเซลล์ บุญกุศลหล่อเลี้ยงอวัยวะทุกส่วน มีกระแสพลังชีวิตหล่อเลี้ยงทั่วเซลล์ทุกเซลล์ พลังปราณพลังชีวิตไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วร่างกายขันธ์ 5 ของข้าพเจ้า ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงสมดุลกายจิตเบิกบานอิ่มเอม ร่างกายผุดผ่องราศีผ่องใส

กำหนดน้อมเห็นกายเนื้อเราเปล่งราศีสว่างจากการปฏิบัติประพฤติธรรม จากนั้นอธิษฐานจิตนะขอบุญกุศล ทาน ศีล ภาวนา จงปรากฏจงเปิดสายบุญ สายทรัพย์ สายสมบัติ ขอเทพยดาพรหมทั้งหลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่พิทักษ์อารักษ์ทรัพย์ทั้งหลายของข้าพเจ้าในภพทั้งปวง ในเมืองบาดาล ทั้งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ พรหมสมบัติ ขอจงกลั่นสายสมบัติทั้งหลายให้กลายเป็นมนุษย์สมบัติอันจับต้องได้ใช้การได้ในชาติปัจจุบัน ขอมนุษย์สมบัติทั้งหลายจงไหลพรั่งพรูลงมาจากทุกทิศทุกทางให้ข้าพเจ้าได้ใช้สร้างบารมีได้ใช้บำรุงเยียวยาทำนุบำรุงดูแลร่างกายขันธ์5 นี้ดูแลครอบครัวปิยชนคนอันเป็นที่รัก สงเคราะห์บุคคลทั้งหลายตลอดรวมจนถึงใช้สร้างบารมีในการทำนุบำรุงชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ให้มีความเจริญรุ่งเรืองมั่นคง ขอได้โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าใช้มนุษย์สมบัตินับอันนี้ได้เกิดความศักดิ์สิทธิ์เกิดความอัศจรรย์เกิดเป็นมหาลาภเกิดเป็นมหาโภคทรัพย์ จากนั้นกำหนดน้อมนะ ให้เห็นด้วยความเป็นทิพย์ของจิตรอบกายเรามีแต่ทิพยสมบัติหลั่งไหลลงมาเป็นมนุษย์สมบัติพรั่งพร้อมรายรอบ จากนั้นก็ให้เราตั้งจิต สาธุสาธุสาธุ สำเร็จสำเร็จสำเร็จ จากนั้นก็ตั้งจิตโมทนาสาธุกับเพื่อนกัลยาณมิตรที่ร่วมกันปฏิบัติเจริญพระกรรมฐานในห้องเมตตาสมาธิวันนี้ทั้ง 75 ท่าน ขอจงสำเร็จประโยชน์ในบุญกุศลทั้งมนุษย์สบัติจนถึงที่สุดคือพระนิพพานสมบัติ จากนั้นหายใจเข้าช้าๆลึกยาวหายใจเข้าพุทโธ หายใจเข้าธัมโม หายใจเข้าสังโฆ จากนั้นถอนจิตช้าๆจากสมาธิ

สำหรับวันนี้ก็มีเรื่องที่สำคัญที่จะเตือนพวกเราทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่อยู่ต่างประเทศตอนนี้เหตุการณ์ต่างๆไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกก็จะเกิดปรากฏการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอันที่จริงณปัจจุบันนี้ ถ้านับตามสัญญาณที่หลวงพ่อฤาษีท่านเมตตาเตือนก็คือถ้าฝรั่งเศสมันเกิดเรื่องขึ้นมาก็ให้กลับได้แล้วตอนนี้ก็เริ่มก่อตัวแล้วก็ใกล้ที่จะเกิดเต็มที่และสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกต่อไปก็คือ ก็จะมีการที่จะผลักดันคนต่างชาติให้กลับประเทศตัวเองทั้งโลกใบนี้ทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาก็ดีหรือแม้แต่ในยุโรปก็ดีก็จะเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นเช่นกันและในประเทศไทยก็ตามก็จะเกิดปรากฏการณ์นี้ที่จะให้แรงงานต่างๆกลับประเทศตัวเองอันนี้ก็ให้เราคอยดูต่อไปและ

สิ่งที่เตือนต่อไปก็เฉพาะในเขตประเทศไทยหรือในต่างประเทศก็ดีตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากมีเหตุการณ์ที่เป็นความวุ่นวายเป็นการประท้วงเป็นม็อบต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปก็ให้ระวังก็คือห้ามออกไปร่วมกับทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่างๆโดยเด็ดขาดมันจะเป็นช่วงของการล้างครั้งใหญ่ครอบคลุมทั้งโลกใบนี้ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคชาววิไล อันนี้ก็ขอให้ฟังคำเตือนของอาจารย์ไว้แล้วก็รอดูเหตุการณ์ต่อไป ความจริงต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ทั้งหมดอีกไม่นานก็จะเริ่มเปิดเผยในหลายๆเรื่องที่เรานึกไม่ถึงในทุกๆด้าน ก็ให้เราฝึกจิตของเราให้อุเบกขาไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของพระพุทธศาสนาพยายามตั้งมั่นอยู่กับพระพุทธองค์บนพระนิพพานตั้งมั่นอยู่กับหลวงพ่อเป็นสำคัญหลายๆท่านต่อไปก็จะมีข่าวปรากฏ ก็ให้เราอุเบกขาซึ่งปัจจุบันหลายคนก็เข้าถึงสภาวะอุเบกขากันแล้วเริ่มชินกับสภาวะเหตุการณ์ข่าวต่างๆที่เกิดแล้วก็พยายามเร่งรัดการปฏิบัติให้มากขึ้น

แล้วก็มีข่าวบุญ 2 ส่วนที่อาจจะเป็นบุญในช่วงนี้ที่เร่งรัดก็คือในวันนี้ก็เป็นงานเข้านิโรธกรรมของครูบาเจ้าวิฑูรย์ซึ่งสัปดาห์หน้าในวันอาทิตย์ก็จะเป็นวันออกนิโรธสมาบัติ หากใครมีวาระโอกาสร่วมบุญได้ก็อยากให้ร่วมบุญแล้วก็อธิษฐานอธิษฐานให้เข้ายุคชาววิไลซึ่งงานออกนิโรธกรรมของครูบาวิฑูรย์ในวันอาทิตย์หน้าก็ท่านจะออกในช่วงเช้าประมาณหกโมง เจ็ดโมง ซึ่งอ่าพระอาจารย์เล็กวัดท่าขนุนก็เมตตาเป็นประธานในการเป็นพยานในการออกนิโรธ รู้สึกจะมีตุ๊พ่อมหาสิงห์ไปในงานด้วยแล้วก็มีมีครูบาอาจารย์หลายรูปที่ไปในงานหากใครมีโอกาสได้ร่วมปัจจัยก็ดี ได้ร่วมบุญถวายพระไตรก็ดีหรือร่วมตั้งจิตไปร่วมในงานได้ก็ดีก็อธิษฐานว่าขอให้บุญนี้เป็นบุญใหญ่ นำพาให้บ้านเมืองก็ดี นำพาให้ตัวเราแต่ละบุคคลเข้าสู่ยุคชาววิไลกันได้ทุกคน แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เรามีโอกาสไปร่วมในงานหล่อพระเจ้าองค์แสนดวงจิตพระนิพพานในวันที่ 27 กันยายนซึ่งอีกประมาณ 2 อาทิตย์ข้างหน้าสำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน กรรมฐานในวันนี้ถือว่ามีความสำคัญมากถ้าใครฟังและทบทวนและเข้าสู่สภาวะย้อนทวนจำอารมณ์จิตสุดท้ายก่อนตายของตัวเองได้เสมอ ตรงนั้นจะเป็นนิมิตสำคัญที่ทำให้เพิ่มความมั่นคงในการเข้าถึงซึ่งพระนิพพานชาตินี้ว่ายิ่งขยันฝึกที่เราฝึกกันในวันนี้มากเท่าไหร่ เรายิ่งมั่นใจได้ว่าเราไปพระนิพพานชาตินี้ได้แน่นอนอันนี้พระคือสมเด็จองค์ปฐมท่านฝากบอกมาโดยตรงสำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคนสวัสดี

ถอดเสียงและเรียบเรียงโดย : คุณวิษุวัต ใหญ่กว่าวงศ์

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้